ผลการดำเนินงานของ บจ. mai ประจำไตรมาส 2 ปี 2559 มียอดขายรวม 33,408 ลบ. เพิ่มขึ้น 1.65% กำไรสุทธิรวม 2,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 472 ล้านบาท หรือ 25.35% จากปีก่อนหน้า พบ 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มทรัพยากรตามลำดับ
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บจ. ใน mai จำนวน 123 บริษัท (จาก 128 บริษัท ไม่รวมบริษัทที่ยังไม่ส่งงบการเงินและบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2559 พบว่า บจ. มีกำไรสุทธิจำนวน 88 บริษัท คิดเป็น 72% ของบริษัทที่ส่งงบการเงินทั้งหมด โดย บจ. mai มียอดขายรวม 33,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ บจ. มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นจาก 23.83% เป็น 25.00% ส่วนกำไรสุทธิรวมเติบโตจาก 1,860 ล้านบาท เป็น 2,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.35%
“ ในไตรมาส 2 ปี 2559 หลายบจ. ใน mai สามารถปรับตัวเพื่อรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว โดยบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรักษาการเติบโตของยอดขายและกำไรสุทธิ หากจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ามี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตของทั้งยอดขายและกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มทรัพยากร ตามลำดับ ธุรกิจที่มีการเติบโตของยอดขายและกำไรสุทธิโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มพลังงานทดแทนที่เริ่มมีการรับรู้รายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากค่าโฆษณาและรับจัดกิจกกรรมทางการตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า ทั้งนี้ 5 บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุดในไตรมาส 2/2559 ได้แก่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) 992 ล้านบาท บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) 161 ล้านบาท บมจ.เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) 149 ล้านบาท บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) 118 ล้านบาท และ บมจ. 2 เอส เมทัล (2S) 104 ล้านบาท” นายประพันธ์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2559 บจ. ใน mai มียอดขายรวม 65,276 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 25.05% เป็น 24.57% กำไรสุทธิรวมลดลง 7.09% ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ที่กำไรสุทธิรวมของ บจ. mai ลดลง 19.47% ซึ่งในไตรมาสนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของหลายๆ บจ.
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 128 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2559) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 573.27 จุด เพิ่มขึ้น 9.69% จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 370,426 ล้านบาท อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 61.65 เท่า มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 1,994 ล้านบาทต่อวัน
ข่าวเด่น