รมว.แรงงาน ย้ำบูรณาการบริหารแรงงานต่างด้าว เร่งออกกฎหมายลำดับรอง เพื่อให้มีมาตรการด้านกฎหมายกำกับดูแล/ควบคุม แรงงานต่างด้าวตามหลักสากลเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ด้าน ที่ประชุม อกนร. เห็นชอบเปลี่ยนชื่อบัตรสีชมพู เป็น “บัตรแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ” พร้อมรับทราบ เมียนมา-กัมพูชา ตั้งศูนย์บริการตรวจสัญชาติ 10 จุดในไทย
พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (อกนร.) ครั้งที่ 4/2559 ได้กล่าวว่า การบริหารแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ หลังสิ้นสุดการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 จะดำเนินการนำเข้าแรงงานตามกรอบบันทึกข้อตกลง (MOU) ซึ่งได้มีการลงนามครบทั้ง4 ประเทศ (เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) พร้อมทั้งพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานให้นายจ้างในประเทศไทย พ.ศ. 2559 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อให้มีมาตรการด้านกฎหมายเข้ามากำกับดูแล ควบคุม การนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานอย่างเหมาะสม
รวมทั้งเป็นการให้ความคุ้มครองที่เป็นธรรมแก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตามหลักสากลอันเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรอง ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องมีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยจะต้องกำหนดเจ้าภาพให้มีความชัดเจนในแต่ละงาน มีการจัดทำแผนประสานสอดคล้องกัน มีส่วนร่วมในลักษณะของหุ้นส่วน (Partnership) การทำงาน และมีความภูมิใจในความสำเร็จของงานร่วมกัน
“การเปิดศูนย์บริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แรงงานต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฯ ที่ประเทศไทยตั้งขึ้นหรือศูนย์ที่บริหารจัดการโดยประเทศผู้ส่งออก จะต้องเป็นศูนย์ฯ ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่แรงงานต่างด้าวได้อย่างแท้จริง ทำงานโปร่งใส เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และจะต้องสามารถลดต้นทุน ทั้งเรื่องของเวลาและตัวเงิน ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือช่วย เช่น e-Payment เป็นต้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
นอกจากนี้ เรื่องการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ที่จะมีการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการประมงของรัฐสภายุโรปในช่วงปลายปีนี้ ขอให้ทุกหน่วยได้เร่งรัด ดำเนินการในส่วนที่ได้มีการเจรจาหารือร่วมกับสหภาพยุโรปไว้แล้ว โดยเฉพาะในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ อาทิ การยกระดับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว การตรวจแรงงาน การบังคับใช้กฎหมาย รวมไปถึงการเร่งรัดติดตามการดำเนินคดี ช่วยเหลือเหยื่อ แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ เป็นต้น ทั้งนี้ การประชาสัมพันธ์และการสร้างความรับรู้ถือเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเพิ่มช่องทางในการสื่อสารให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะสื่อด้วย โดยให้หน่วยงานเจ้าภาพเป็นผู้รวบรวมสรุป เพื่อให้ข่าวสารที่ออกไปนั้นมีความเป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับการประชาสัมพันธ์ให้ระดับนานาชาติได้รับรู้ ขอให้ผ่านการพิจารณาจากกระทรวงการต่างประเทศด้วย
นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (อกนร.) ว่า ที่ประชุมวันนี้ (24 สิงหาคม 2559) ได้มีการหารือเรื่องการเรียกชื่อใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเกิดความสับสนระหว่างบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวในกลุ่มแรงงานประมงกับแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมทั่วไป โดยเข้าใจผิดว่าบัตรสีชมพูคือใบอนุญาตทำงาน จึงกำหนดให้เรียกเป็นบัตรแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ เพื่อป้องกันความสับสน เนื่องจากใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวในกลุ่มกรรมกร คนรับใช้ในบ้าน จะอยู่ในบัตรใบเดียวกัน ส่วนในกิจการประมง จะถือเอกสาร คือ บัตรสีชมพูที่แสดงสถานะบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย และใบอนุญาตทำงานเล่มสีส้ม
ที่ประชุมยังได้รับทราบกรณีทางการเมียนมากำหนดเก็บค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สัญชาติเพื่อออกเอกสารรับรองบุคคล หรือซีไอ ซึ่งมีอายุ 2 ปี ที่ใช้แทนหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต คนละ 400 บาท โดยชำระค่าธรรมเนียมผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในประเทศไทย แล้วนำหลักฐานไปยื่นที่ศูนย์บริการตรวจสัญชาติ ของทางการเมียนมาซึ่งจะเข้ามาตั้งในไทย 5 จังหวัด ได้แก่ ตาก ระนอง สมุทรสาคร สมุทรปราการ และเชียงราย ทางด้านกัมพูชา จะออกเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหรือทีดี จำนวน 2 แสนเล่มให้แก่แรงงานกัมพูชาใน ไทยโดยจะมาตั้งจุดบริการใน 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สมุทรปราการ ชลบุรี กทม. และปทุมธานี
ข่าวเด่น