รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายแก่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยชุดใหม่ 11 ด้าน เพื่อผลักดันการทำงานให้สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยเน้นการสร้างรายได้เชิงพาณิชย์จากที่ดินทั่วประเทศ เดินหน้าโครงการรถไฟทางคู่ปีนี้อย่างน้อย5 เส้นทาง การจัดหาหัวรถจักรใหม่ 50 หัว พัฒนาบุคลากร พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิงค์
วันนี้ (25 สิงหาคม 2559) ที่ห้องปฏิบัติการชั้น 3 ตึกบัญชาการ การรถไฟแห่งประเทศไทย นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมามอบนโยบาย และแสดงความยินดีกับคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยชุดใหม่ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี มาทดแทนคณะกรรมการชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยมีคณะกรรมรถไฟฯ ชุดใหม่ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟฯ และผู้บริหารระดับสูงของการรถไฟฯ เข้าร่วมรับนโยบายอย่างพร้อมเพรียง
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายการทำงานแก่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยชุดใหม่ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยมีนโยบายสำคัญประกอบด้วย 11 ด้าน ได้แก่
1.) ด้านบุคลากรขอให้สนับสนุนนโยบายในการคัดเลือกและคัดสรรพนักงานเข้ามาทดแทนในอัตรากำลังที่ขาด รวมถึงทดแทนเจ้าหน้าที่ที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ตำแหน่งรองผู้ว่าการที่จะมีการเกษียณอายุราชการภายในปีนี้หลายคน
2) ด้านการบริหารบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือ แอร์พอร์ตเรลลิงค์ ในอนาคตจะมีการแยกแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ให้มีความเป็นอิสระเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานรวมทั้งเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการช่วยเรื่องการลงทุน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเส้นทางแอร์พอร์ตลิงค์จากในปัจจุบัน เริ่มต้นจากสถานีสุวรรณภูมิ - พญาไท ซึ่งกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดทำแผนในส่วนต่อขยายไว้แล้ว โดยเชื่อมต่อจากช่วงสถานีสุวรรณภูมิ - พญาไท ไปยังสถานีกลางบางซื่อและเชื่อมต่อสนามบินดอนเมือง ตลอดจนถึงสนามบินอู่ตะเภาในอนาคต เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้ทั้ง 3 สนามบินตามนโยบายของรัฐบาล
3) การจัดหาขบวนรถแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ใหม่7 ขบวน โดยต้องการให้คณะกรรมการรถไฟฯ ชุดใหม่ เข้ามากำหนดขอบเขตทีโออาร์จัดหาขบวนรถแอร์พอร์ตลิงค์ใหม่โดยเร็ว หลังจากเดิมฉบับเดิมมีการยกเลิกไป พร้อมกับส่งทีโออาร์ให้คณะกรรมการแอร์พอร์ตลิ้งพิจารณา เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ และโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง
4) การจัดทำการซ่อมแซมใหญ่ (over haul) ในขบวนรถแอร์พอร์ตลิงค์ ควรต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนเช่นกันเพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ เพราะขณะนี้จำนวนรถโดยสารที่ให้บริการเหลือเพียง 8 ขบวน จากทั้งหมด 9 ขบวน สวนทางกับความต้องการใช้บริการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
5) ด้านการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ในพื้นที่แปลงสำคัญ ทั้งในบริเวณย่านสถานีบางซื่อ สถานีแม่น้ำ มักกะสันรวมทั้งพื้นที่ในต่างจังหวัด ขอให้การรถไฟฯ ดำเนินการ ตรวจสอบรายละเอียดสัญญา และนำเทคโนโลยีเข้ามาจัดเก็บข้อมูลการบริหารที่ดินให้เป็นระบบเพื่อให้สามารถตรวจสอบ และบริหารการต่อสัญญาได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น สามารถสร้างรายได้นำมาแก้ปัญหาหนี้สินและขาดทุนสะสมในอดีต
6) ขอให้คณะกรรมการรถไฟฯ เร่งรัดเรื่องการลงทุน การเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมายตามที่รัฐบาลกำหนดไว้จากปัจจุบันที่ยังมีการเบิกจ่ายล่าช้าในหลายส่วน
7) ด้านการลงทุนโครงการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ขอให้การรถไฟฯ เร่งรัดเรื่องการลงทุนการเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการรถไฟทางคู่ โดยกำหนดให้ปีนี้ต้องมีความก้าวหน้าอย่างน้อย 5 เส้นทาง หลังจากอนุมัติและมีการก่อสร้างไปแล้ว 2 เส้นทาง โดยเฉพาะการจัดทำรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างทีโออาร์เส้นทางสำคัญ เช่น รถไฟทางคู่ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ซึ่งทีโออาร์เส้นนี้จะเป็นต้นแบบให้กับการจัดทำทีโออาร์ของรถไฟทางคู่ที่เหลือ
8) การจัดหาหัวรถจักรใหม่ เช่น การจัดซื้อหรือเช่าเพิ่มเติมอีก 50 หัว เพื่อนำวิ่งเพิ่มการให้บริการได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กรในการให้บริการที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ
9) การเร่งผลักดันการบริหารจัดการพื้นที่ย่านกระจายสินค้าทางรถไฟ โดยเฉพาะบริเวณสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง หรือไอซีดี ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องเร่งรัดหาผู้ประกอบการมาดำเนินการเช่าหรือประกอบการขนส่งสินค้า หลังจากผู้ประกอบการเดิมได้หมดสัญญามาหลายปีแล้ว เพื่อต้องการเพิ่มการขนส่งสินค้ามากขึ้นตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากการขนส่งด้วยรถไฟมีต้นทุนที่ต่ำ และยังสอดคล้องกับการที่การรถไฟฯ นำหัวรถจักร และแคร่รถโดยสารสินค้าใหม่เข้ามาให้บริการด้วย
10) การพัฒนาการบริการแก่ผู้โดยสาร ให้เน้นในเรื่องของความสะอาด ความสะดวกสบาย ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นการเดินรถที่ตรงต่อเวลา การอำนวยความสะดวกในการจองตั๋ว ห้องน้ำที่สะอาด ความปลอดภัยการเดินทาง เป็นต้น
11) ด้านการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ขอให้เร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ความร่วมมือรถไฟไทย-จีน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางไปเจรจากับทางการจีน ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่น รวมถึงความร่วมมือด้านระบบรางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ จะต้องผลักดันให้เห็นผลรวดเร็วเพราะถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ข่าวเด่น