กรมบัญชีกลางกำชับหน่วยงานรัฐสามารถกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพันได้ถึง 31 ธันวาคม 2559 พร้อมออกหนังสือเวียนเร่งดำเนินการขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง และจะรายงาน ครม. เป็นรายเดือน ดีเดย์จ่ายเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด กว่า 85,000 คน ผ่าน “อี-เพย์เมนต์” พร้อมกัน 9 ก.ย. นี้
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยหลังการประชุมชี้แจงมาตรการเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ณ กรมบัญชีกลาง ในวันนี้ (29 ส.ค. 59) ว่า กรมบัญชีกลางได้ชี้แจงมาตรการเพื่อกระตุ้นการเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง การเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานภาครัฐ การปฏิบัติงานในระบบ GFMIS ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รวมทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรับจ่ายเงินภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้หน่วยงานตระหนักและเร่งรัดการดำเนินงานต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายและบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลต่อไป
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการต่างๆ ได้เวียนแจ้งหน่วยงานทราบแล้ว ขอกำชับในเรื่องของการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีไม่มีหนี้ผูกพัน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยได้ขยายระยะเวลาให้กับส่วนราชการที่นำงบประมาณ ปี 2559 ที่ยังคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 และเบิกจ่ายลักษณะงบดำเนินงาน เพื่อนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาองค์กรและพัฒนาบุคลากร สามารถกันเงินและเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายใน 31 ธันวาคม 2559 เพื่อเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว
สำหรับการเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น สามารถเริ่มดำเนินการตามกระบวนการ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำร่าง TOR การเผยแพร่ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง จนถึงขั้นตอนได้ตัวผู้รับจ้างไว้ก่อน ได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป โดยจะลงนามในสัญญาได้ก็ต่อเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณ 2560 มีผลใช้บังคับ และได้รับการจัดสรรงบจากสำนักงบประมาณแล้วเท่านั้น
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรม และทำให้รัฐบาลมีข้อมูลในการติดตามความคืบหน้าและประเมินผลการปฏิบัติงานได้อย่างชัดเจน กรมบัญชีกลางจะรวบรวมผลการดำเนินงานการจัดซื้อจัดจ้างจากข้อมูลในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ตั้งแต่ขั้นตอนจัดทำร่าง TOR ผู้มีอำนาจเห็นชอบรายงาน ขอซื้อขอจ้าง ประกาศเชิญชวน และผู้มีอำนาจอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้าง รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงาน รายงานให้ ครม.ทราบเป็นรายเดือน โดยจะเริ่มรายงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 เป็นต้นไปซึ่งคาดว่าข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสามารถกำหนดมาตรการเพิ่มเติมได้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอันจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้เป็นผู้จ่ายเงินสวัสดิการสังคมให้กับประชาชนโดยตรง เริ่มจากการจ่ายเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิโดยตรง ในอัตราเดือนละ 400 บาท ในวันที่ 9 กันยายน 2559 พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้ได้รับสิทธินี้ทั้งสิ้น 85,000 คน ใช้เงินประมาณ 34 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องที่กรมบัญชีกลางจ่ายเงินสวัสดิการจากภาครัฐให้กับประชาชนโดยตรง และจะมีการขยายผลไปยังเงินสวัสดิการอื่นๆ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพผู้พิการ เป็นต้น
“กรมบัญชีกลางพร้อมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (ปี 2560-2579) และแผนการปฏิรูปประเทศ” นายมนัสกล่าว
ข่าวเด่น