XO มั่นใจ ครึ่งปีหลังโตต่อ หลังออเดอร์ที่เข้ามาหนุน แถมขยายตลาด ขยายไลน์สินค้าต่อเนื่อง ไร้กังวล ปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมามียอดขายเป็นสกุลเงินบาทสูงถึง 60% ยืนยันเป้าหมายรายได้ทั้งปีโตอีก 15% ตามที่วางไว้ รับ กำไรครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานใหม่ ด้าน “จิตติพร จันทรัช” กรรมการผู้จัดการ มั่นใจ แม้มีความล่าช้าออกไป แต่คาดว่าพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปีนี้แน่นอน ล่าสุด ผลงานครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 64.71 ล้านบาท โต 27.91% มีรายได้จากการขาย 455.51 ล้านบาท โต 21.22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ, ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปอื่นๆ เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และมั่นใจว่า ผลงานทั้งปี 2559 นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ เติบโต 15% จากปี 2558 อยู่ที่ 740.11 ล้านบาท เป็นผลจากคำสั่งซื้อลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนยอดขายให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้ารายได้หลักของบริษัทฯ มีอัตรากำไรที่ดี และการประสบความสำเร็จในการลดความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายเป็นเงินบาท 60%
สกุลเงินยูโรเหลือเพียง 7% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 33%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจำหน่าย และเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เพื่อขยายตลาด รวมทั้ง นโยบายของภาครัฐบาลในการประชาสัมพันธ์ครัวไทย สู่ครัวโลก เป็นอีกแรงสนับสนุนความนิยมอาหารไทยในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีสินค้าใหม่ที่ออกจำหน่ายในปีนี้ ได้แก่ ซอสศรีราชามาโย และซอสศรีราชาอีกหลากหลายรสชาติ เชื่อว่าจะได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศสูงถึง 99% สำหรับลูกค้าในประเทศปัมีสัดส่วนเพียง 1% โดยมีทวีปยุโรปเป็นตลาดหลักและมีแนวโน้มการเติบโตดี ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าในยุโรป 69% ขณะที่ลูกค้าทวีปอเมริกาอยู่ที่ 14 % , ทวีปเอเชีย 10 % , ทวีปออสเตรเลีย 5% และทวีปแอฟริกา 2 %
อย่างไรก็ตาม โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/2559 ซึ่งล่าช้ากว่าเดิมที่คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 3/2559 เนื่องจากการก่อสร้างที่ล่าช้ากว่าคาด ส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานใหม่ แต่บริษัทฯ จะพยายามบริหารจัดการอย่างดีที่สุด
“โรงงานใหม่ของบริษัทฯ จะสนับสนุนให้ XO มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นตัน/1 กะ (8 ชั่วโมง) คิดเป็นยอดขายราว 1,000 ล้านบาท/ปี และโรงงานใหม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ถึง 2 กะ ทำให้ต่อจากนี้ บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาค่อนข้างมาก และยังช่วยลดการสูญเสียในการผลิตสินค้า เนื่องจากโรงงานใหม่มีเครื่องจักรทันสมัย ใช้คนน้อย รวมทั้ง
ลดค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดังจัดเก็บสินค้า เนื่องจากหลังโรงงานแห่งใหม่เสร็จสมบูรณ์ ไลน์ผลิตซอสที่โรงงานเก่าจะย้ายมาอยู่ที่โรงงานใหม่ทั้งหมด จึงมีแผนปรับปรุงพื้นที่ภายในโรงงานเก่าให้มีประสิทธิภาพบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้น และมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าได้มากยิ่งขึ้น” นายจิตติพร กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดหกเดือนแรกของปีนี้ ( สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 64.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 50.59 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 455.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 375.76 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ รวมถึงกลุ่มเครื่องดื่มจากวัตถุธรรมชาติ
สำหรับในไตรมาส 2/2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 29.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.54% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.36 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 234.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 201.44 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2559 อยู่ที่ 33.83% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2558 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าเท่ากับ 31.12% โดยสาเหตุหลักเกิดจากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท แต่อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นมีอัตราลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2559 ซึ่งอยู่ที่เท่ากับ 34.74% เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองสินค้าเสื่อมสภาพ จำนวน 3.09 ล้านบาท
“ผลงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของบริษัทฯ รายได้เติบโตกว่า 21% ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีและเกินเป้าหมาย แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น มีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ ขอยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนสำหรับโรงงานผลิตที่นิคมแหลมฉบังแล้ว ตามข้อกำหนดของ BOI เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจาการสร้างโรงงานใหม่ และแม้โรงงานแห่งใหม่อาจล่าช้ากว่ากำหนดเดิมเล็กน้อย แต่ไม่กระทบออเดอร์จากลูกค้าที่เข้ามา เนื่องจากโรงงานเก่าสามารถผลิตสินค้าได้ทันตามเวลาที่ลูกค้ากำหนด แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมย้ายโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ก็ยังคงมั่นใจว่า เป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ได้ตามที่วางไว้” นายจิตติพร กล่าวในที่สุด
ข่าวเด่น