ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44 – 49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 46 – 51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (29 ส.ค. - 2 ก.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะถูกกดดันจากภาวะอุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปล้นตลาด หลังจากปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในไนจีเรียที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงยังส่งผลกดดันราคาน้ำมัน นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณแท่นขุดเจาะที่ไม่เปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอนของการที่ผู้ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับการร่วมมือกันรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบ
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ภาวะอุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปล้นตลาดกลับมากดดันตลาดอย่างหนักอีกครั้ง เนื่องจากสำนักงานสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 19 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 523.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เช่นเดียวกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่ปรับเพิ่มขึ้น 36,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังได้รับข่าวดีจากการที่กำลังการผลิตภายในประเทศสหรัฐฯ ปรับลดลง 49,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 8.548 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สถานการณ์ความไม่สงบในไนจีเรียมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังกลุ่มก่อการร้ายในไนจีเรียหรือกลุ่มเอ็นดีเอประกาศหยุดยิงและพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม กลุ่มเอ็นดีเอแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆหลายกลุ่ม ทำให้เป็นการยากที่จะหาผู้แทนของกลุ่มเอ็นดีเอในการเจรจา นอกจากนี้รัฐบาลต้องเผชิญกับอุปสรรคทางด้านการเงินที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมน้ำมันองไนจีเรียหลังจากถูกโจมตีเป็นระยะเวลานาน เพื่อที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไปสู่สภาวะปกติ
Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ส.ค. จำนวนแท่นขุดจาะน้ำมันดิบไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 406 แท่น นับเป็นสัปดาห์แรกที่ปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบไม่เพิ่มขึ้น หลังจากเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 8 สัปดาห์ ยาวนานที่สุดในรอบมากกว่า 2 ปี อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐยังสามารถทำให้ปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นได้
ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปกอย่าง อิหร่านและอิรัก มีท่าทีสวนทางกัน โดยอิหร่านมีท่าทีสนับสนุนการเจรจาเกี่ยวกับการคงกำลังการผลิต ในขณะที่อิรักยังคงไม่เห็นด้วยกับการเจรจาครั้งนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราการว่างงานยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตจีน ดัชนีภาคการผลิตยูโรโซน และดัชนีราคาผู้ผลิตยูโรโซน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 - 26 ส.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 47.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.96 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 49.92 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 45.80 เหรียญสหรัฐฯ หลังราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในการเจรจาซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง ระหว่างสมาชิกในกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศนอกกลุ่มโอเปกที่จะคงกำลังการผลิตน้ำมันดิบ
ถึงแม้ว่าอิหร่านมีท่าทีพร้อมที่จะเข้าร่วมการหารือ เนื่องจากบางประเทศในกลุ่มโอเปก เช่น อิรัก ไนจีเรีย และลิเบีย ยังคงมีความพยายามในการเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องและไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในการคงกำลังการผลิต ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 523.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 0.5 ล้านบาร์เรล หลังโรงกลั่นน้ำมันดิบปรับลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่รัฐหลุยเซียน่า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจาก จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 8 สัปดาห์ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 406 แท่นในสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ส.ค. ซึ่งคิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 76 แท่น นับจากต้นเดือน ก.ค.
ข่าวเด่น