ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังอยู่ในโหมดของการพักฐานต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลังเฟดยังคงยืนยันถึงโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในปีนี้ยังมีความเป็นไปได้ อีกทั้งขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน ปิดตลาด SET INDEX อยู่ที่ 1,544.15 จุด ลบ 5.26 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,273 ล้านบาท
เม็ดเงินทุนต่างชาติชะลอต่อเนื่อง แม้กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 1,798 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้งมากถึง 5,581 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 เพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- กองทุน Property Fund / REIT / IFF เผชิญแรงกดดัน เมื่อผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี พุ่ง 4.99bps วานนี้
- กองทุน Trigger funds ที่ปิดขาย 2 กองในสัปดาห์ก่อน วงเงินระดมทุนได้จริงราว 3.2 พันล้านบาท
- เงินทุนต่างชาติชะลอตัวทั่วตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่
- โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ลดลงเป็น 36% จากวันก่อนหน้าที่ 42%
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 11)
เราประเมินภาพ SET INDEX จะยังคงขยับ sideways เพื่อทดสอบแนวรับ 1,530 จุดในช่วงสั้นๆ นี้ ทั้งนี้จับตากองทุน Property Fund / REIT / IFF กลับมาเผชิญกับแรงกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง วานนี้เพิ่มอีก 4.99bps ปิดที่ 2.187% ทำให้กองทุนเหล่านี้ต้องปรับฐานลงไปในทิศทางเดียวกับราคาพันธบัตรไทย เพื่อชดเชยกับความเสี่ยงที่สูงกว่าพันธบัตรไทย (Risk Free Rate) รวมถึงหุ้นปันผลอย่าง ADVANC / INTUCH ที่ขาดประเด็นการลงทุนในเชิงผลการดำเนินงาน ขณะที่แนวโน้ม ADVANC จะปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2560 เป็นต้นไปลดลง ส่งผลลบทางอ้อมต่อ INTUCH
อีกทั้งกระแสเงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ หลังทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าน ตอบรับถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้ง ECB อาจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 8 ก.ย. ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วงสั้นแข็งค่า สร้างความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุนต่างประเทศ อีกทั้งนักลงทุนกลุ่มนี้ต้องการรอดูตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ดังนั้นหุ้นขนาดใหญ่เผชิญกับแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนำ “เลือกลงทุนเป็นรายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขนาดกลางและเล็กที่อยู่ในกลุ่ม Domestic Play” ส่วนกลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี ที่ต้องลดน้ำหนักช่วงสั้น จากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแอ รวมถึงค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์วานนี้ปิดหลุดแนว US$6/barrel อีกครั้ง
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร BIG : ราคาปิด 4.88 บาท ราคาเหมาะสม 4.80 บาท
a) แม้ว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบันสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้วก็ตาม แต่ด้วยกำลังซื้อที่ยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง การเปิดงาน Big Camera Big Pro Days เป็นเวลา 6 วัน ระหว่างวันที่ 30 ส.ค. ถึง 4 ก.ย. เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
b) เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานใน 3Q59 มีโอกาสฟื้นตัว qoq หลังจากที่ 2Q59 ชะลอตัว 21% qoq จากผลของฤดูกาล และมีโอกาสที่จะทำกำไรสุทธิสูงสุดใหม่อีกครั้งของ BIG ใน 3Q59 ขึ้นอยู่กับการตอบรับของงาน BIG Camera ในรอบนี้
a) ณ ราคาปัจจุบัน ซื้อขาย PER59 เท่ากับ 19.29x และ 16.77x ในปี 2560 เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกซื้อขาย PER59-60 เท่ากับ 30.20x และ 24.79x ตามลำดับ
2. สะสม RATCH : ราคาปิด 54.00 บาท ราคาเหมาะสม 58.00 บาท
c) เรายังคงแนะนำให้ “ทยอยสะสม” RATCH ต่อเนื่อง เพราะในภาวะตลาดช่วงสั้นที่ยังเป็นการ sideways นั้นหุ้นลักษณะ Defensive อย่าง RATCH จะมีความแข็งแกร่งในแง่ Downside
d) จะขึ้น XD เงินปันผล 1H59 หุ้นละ 1.10 บาท วันที่ 6 ก.ย.คิดเป็น Dividend Yield 2.04%
e) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +18.5% yoy เป็น 5.9 พันล้านบาท จากแรงผลักดันของโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ RATCH ถือหุ้นสัดส่วน 40% ขณะที่ Valuation ยังต่ำกว่า EGCO ด้วย PER60 ของ RATCH เท่ากับ 11.04x เทียบกับ EGCO ที่ 11.69x
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิเพียง US$99 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิมากถึง US$276 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเปิดสถานะ short ใน SET50 Index Futures อีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,798 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 112,865 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอย่างหนาแน่น 5,581 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง กดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 4.33 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 2.09 จุดเท่านั้น และทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิขยับขึ้นเป็น 20,123 สัญญา
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 เหลือเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 627 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 4,782 ล้านบาท ภายใต้ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 4.99bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.25bps ปิดที่ 2.187%
Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็น 1,006 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 663 ล้านบาท กระจุกตัวใน 3 หุ้นแรก
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิ เน้นกลุ่มค้าปลีก พลังงาน และ ICT อย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิมากถึง 2,090 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 92 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับเลือกสะสมหุ้นเป็นรายตัวมากกว่าภาพรวมของตลาด ขณะเดียวกัน กลุ่มที่ถูกลดน้ำหนักมากที่สุดคือ กลุ่มประกัน ขายสุทธิเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
- รายได้ส่วนบุคคล เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ +0.3% mom โดยเป็นการผลักดันจากค่าจ้างและเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น 0.5% mom เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
- การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาดเช่นกัน แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า +0.5% mom แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคเลือกที่จะออมเงินมากขึ้น เป็น 5.7% ทั้งนี้การใช้จ่ายจะใช้ไปกับสินค้าคงทนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์
ยุโรป
ผลโพลล่าสุดของเยอรมัน ต้องการให้นายกฯ Merkel ไม่ลงชิงตำแหน่งในสมัยหน้า: ผลโพลล์ล่าสุดวันที่ 28 ส.ค. พบว่า ชาวเยอรมันราว 50% ไม่ต้องการให้นาง Merkel ลงชิงตำแหน่งนายกฯ เป็นสมัยที่ 4 ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
การเจรจา Free-Trade ระหว่างอียู และสหรัฐฯ ล้มเหลว: รมว.เศรษฐกิจของเยอรมัน ให้สัมภาษณ์ ถึงการเจรจาโครงการ Transatlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) เป็นการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่าง สหรัฐฯ และอียู ไม่ประสบความสำเร็จ โดยอียู ไม่ต้องการเจรจาตามความต้องการของสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาการเจรจาไปได้ แม้ว่าจะเจรจาถึงแนวทางดังกล่าวมาตลอด 3 ปีแล้วก็ตาม
กรีซอาจเผชิญกับเม็ดเงินช่วยเหลือที่จ่ายล่าช้า: รมว.การคลัง กรีซ กล่าวว่า เงินช่วยเหลือจากกลุ่ม Troika อาจมีความล่าช้า เพราะ EU เพิ่มระดับการเตือนถึงรัฐบาลกรีซอาจไม่ผ่านเงื่อนไขที่จะรับเงินช่วยเหลือรอบถัดไป 2.8 พันล้านยูโร ที่จะครบกำหนดการจ่ายเดือนก.ย. จากวงเงินช่วยเหลือที่เหลืออยู่ 1.03 หมื่นล้านยูโรที่ได้รับการอนุมัติในหลักการไปเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้า
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
อินเดียเตรียมแผนลงทุน US$1.5 หมื่นล้าน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มเหมืองแร่: รัฐบาลอินเดีย ตั้งเป้าการลงทุน เร่งขั้นตอนการสำรวจต่างๆ รวมถึงการจ่ายเงินวางมัดจำในการประมูลเหมือง พร้อมเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาร่วมประมูลงานต่างๆ ตั้งเป้าเม้ดเงินลงทุนรอบนี้ 1.0 ล้านล้านรูปี หรือ US$1.5 หมื่นล้านใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเหมืองแร่ให้ได้อีก 1 เท่าตัวจากปัจจุบัน และลดการนำเข้าเหมืองแร่ในอนาคต
เศรษฐกิจเกาหลีใต้ ฟื้นตัวปานกลาง: ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประเมินเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า จากภาคบริการ นำโดยภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังคงมีปัญหา แต่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภาคการผลิตมีแนวโน้มทรงตัวเป็นส่วนใหญ่ แม้อุตฯ เซมิคอนดักเตอร์และโทรศัพท์ smartphone จะขยายตัวดีขึ้นก็ตาม
ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาดีกว่าคาด
- อัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อยเป็น 3.0% เดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ 3.1% และดีกว่า Reuters poll ที่คาดการณ์ 3.1%
- การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.ค. ลดลง 0.5% yoy ดีกว่า Reuters poll คาดหดตัว 0.9% yoy
- ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ลดลง 0.2% yoy ดีกว่า Reuters poll คาดเช่นกันที่คาด -0.9% yoy
ไทย
อัตราการว่างงาน 2Q59 เพิ่มขึ้นแต่แนวโน้มดีขึ้น: สศช. เปิดเผยว่าการจ้างงานใน 2Q59 เท่ากับ 37,393,472 คน ลดลง 0.9% yoy โดยการจ้างงานภาคเกษตรลดลง 6.2% yoy แม้ภัยแล้งสิ้นสุดลงแต่เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่สะสมมาตั้งแต่ฤดูกาลเพาะปลูกปี 2557 ทำให้กิจกรรมทางการเกษตรลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 9 ส่วนภาคนอกเกษตรมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 1.4% yoy ส่วนการจ้างงานสาขาอุตสาหกรรมยังลดลงต่อเนื่อง 1.7% yoy เป็นไตรมาสที่ 3 ทำให้การว่างงานเพิ่มขึ้น 22.3% yoy แต่คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับ 1.08% เทียบกับ 0.88% 2Q58 สำหรับประเด็นแรงงานที่ต้องช่วงครึ่งหลังของปี ได้แก่ การจ้างงานและรายได้แรงงานภาคเกษตร ที่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังการจ้างงานภาคเกษตรน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากกิจกรรมการเพาะปลูกที่เข้าสู่ภาวะปกติ
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 30 ส.ค. 2559
ข่าวเด่น