นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย เจดีเอ-เอ 18 (JDA-A18) ปิดซ่อมบำรุงประจำปี ระหว่างวันที่ 20 – 31 สิงหาคม 2559 นั้น กระทรวงพลังงานได้รับรายงานจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บมจ. ปตท. (PTT) ว่า ผู้ผลิตแหล่งก๊าซในพื้นที่ JDA ดังกล่าว สามารถเริ่มจ่ายก๊าซเข้าสู่ระบบท่อส่งและโรงไฟฟ้าจะนะ ของ กฟผ. ได้ตามปกติแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 เวลา 18.00 น. ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างกลับสู่สภาวะปกติ
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ขอบคุณชาวใต้ สำหรับความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาคอุตสาหกรรมและเอกชนที่ช่วยกันประหยัดไฟฟ้า ในช่วงการปิดซ่อมบำรุงประจำปี โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือ (Peak) พีค เกิดขึ้นเพียง 2,511.3 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2559 เวลา 19.07 น. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่กระทรวงพลังงานประมาณการไว้ ที่ระดับ 2,570 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 2.3
สรุปสถานการณ์ในช่วงปิดซ่อมบำรุงประจำปีแหล่งก๊าซเจดีเอ-เอ 18 (JDA-A18) ที่ผ่านมา พบว่า การดำเนินงานรับสถานการณ์ในช่วงดังกล่าวได้เป็นไปตามแผนงานของกระทรวงพลังงาน โดยโรงไฟฟ้าจะนะ ได้เปลี่ยนแผนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ เป็นการใช้น้ำมันดีเซล โดยมีการใช้น้ำมันดีเซล รวม 24.1 ล้านลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับแผนที่ประเมินไว้ ในส่วนการบริหารจัดการก๊าซเอ็นจีวีเป็นไปตามแผนงานโดยไม่เกิดการขาดแคลน
สำหรับความคืบหน้าการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทางภาคใต้นั้น โรงไฟฟ้ากระบี่อยู่ระหว่างรอผลสรุปของไตรภาคี ส่วนโรงไฟฟ้าเทพา ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของสังคมไทย ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าใหม่ในภาคใต้มีความจำเป็น เพื่อรองรับการเจริญเติบโตที่จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 ทุกปี เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ
"ขอขอบคุณพี่น้องชาวภาคใต้ และทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันลดใช้พลังงานในช่วงการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซดังกล่าวให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน มีความมุ่งมั่นและตั้งใจให้ประชาชนทุกพื้นที่ของประเทศมีไฟฟ้าใช้ และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ"นายทวารัฐกล่าว
ข่าวเด่น