นายกรัฐมนตรีรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ – ยุทธศาสตร์ทหารจากตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พร้อมกล่าวข้อคิดเห็น
วันนี้ (1 กันยายน 2559) ณ หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ – ยุทธศาสตร์ทหารจากตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยปัองกันราชอาณาจักร พร้อมกล่าวข้อคิดเห็น โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ผู้บัญชาการวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพเรือ ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพอากาศ ผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ช่วยทูตทหาร ข้าราชการทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสหากิจ นักธุรกิจ และคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเข้าร่วมรับฟัง
โดยประเด็นที่ตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรนำเสนอเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติร่วมกัน สรุปดังนี้ ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี พ.ศ.2579 ทั้งนี้ ต้องเร่งพัฒนาปัจจัยพื้นที่ที่สำคัญ 4 ประการ คือ 1.เร่งพัฒนาด้านการศึกษา 2.ให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ เร่งรัดงานวิจัยและพัฒนายกระดับงานวิจัยนำไปสู่เชิงพาณิชย์ 3.พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานราชการ ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารราชการทั้งระบบ และ 4.พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกให้มีความต่อเนื่อง อย่างพอเพียง และเหมาะสม เชื่อมโยงการคมนาคมทั้งระบบ รองรับการเจริญเติบโต สร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจ
ภายหลังรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ – ยุทธศาสตร์ทหารจากตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีกล่าวข้อคิดเห็นตอนหนึ่งว่า ภูมิใจที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคต รัฐบาลนี้มีคนทำงาน ทั้งจากทหาร และพลเรือน มาทำงานร่วมกัน ดีใจที่การแถลงยุทธศาสตร์ชาติวันนี้ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล ทั้งหมดที่ผ่านมาถือว่าดีแล้ว แต่ปัญหาคือทำอย่างไรให้เดินหน้าต่อไปได้ ยุทธศาสตร์เขียนดีแต่ทำไม่ได้ หรือทำได้น้อยเกินไป แต่ต้องขอบคุณที่ทุกคนช่วยกันคิด และทำออกมา สิ่งสำคัญในวันนี้ต้องมาช่วยกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ในอีก 20 ปีข้างหน้า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำในช่วงที่ 2 จากนั้น ก็เป็นเรื่องของ 20 ปีข้างหน้า ซึ่งหลังจากปี 2560 ประเทศไทยจะมีคนรุ่นใหม่ที่เจริญเติบโตจบในระดับชั้นมหาวิทยาลัย เราจะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ ในอีก 20 ปีข้างหน้าที่จะไม่เจอกับปัญหาเดิม ๆ อีก
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า จะต้องวางรากฐานให้ได้มากที่สุดในระหว่างปี 2559 - 2560 และต่อจากนั้นก็จะอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล ซึ่งมีกลไกในการขับเคลื่อน โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีกฎหมาย และงบประมาณ แต่จะไปซ้ำกับการบริหารไม่ได้มากนัก เพราะเป็นกระบวนการประชาธิปไตย ทั้งนี้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่สามารถตีกรอบให้เกิดความชัดเจนได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาวันนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาเหตุที่มันติดขัด ปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาทางการเมือง รวมทั้งความล่าช้าในการพัฒนาประเทศ วันนี้จำเป็นต้องเร่งการทำงานให้เกิดความเป็นเอกภาพ และการบูรณาการโดยเร่งการขับเคลื่อน 6 กลุ่มงานของรัฐบาล ซึ่งไม่ง่ายนักเพราะยังมีเรื่องของความขัดแย้ง แต่รัฐบาลได้เตรียมการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล และจะทำอย่างไรให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำงานได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทั้งนี้ ไม่ใช่การบังคับทุกเรื่อง เพราะในการบริหารทำไม่ได้ แต่ต้องใช้กลไกของรัฐสภา หากทำไม่ได้ก็ต้องไปชี้แจง และใช้กลไกการตัดสินของ 2 สภา แล้วนำไปสู่ศาล
สำหรับปัญหาของประเทศไทยที่พูดมาทั้งหมด ทุกคนรู้ดีอะไรคือปัญหา อะไรคือสาเหตุ แต่ไม่สามารถแสวงหาความร่วมมือได้ ขาดความมีเอกภาพ การดำเนินการ และความคิดเห็นมีความแตกต่าง ในอดีตมีความขัดแย้งสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการเมือง ความยากจนความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม เศรษฐกิจ ไม่เข้มแข็ง ถือเป็นความล่าช้าของประเทศจึงทำให้มีปัญหามากมายขณะนี้ การทำงานของรัฐบาลจึงมีข้อขัดแย้งมาโดยตลอด ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ประเทศไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ ต้องปรับแนวคิดใหม่เพื่อประเทศ ทั้งนี้ คนมักใช้ความรู้สึกในการตัดสิน ต่อไปจะต้องมีหลักการและเหตุผลในการตัดสิน เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร เราคือคนไทยต้องร่วมมือกัน
โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชม และขอบคุณนักศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหาร ระยะ 20 ปี ในครั้งนี้ นับเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล ที่จะรับไปพิจารณา แนวคิดทางยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ รวมทั้งโครงการต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอมานั้น หากเป็นประโยชน์สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลจะนำไปใช้ประโยชน์และนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ข่าวเด่น