ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
นายกฯห่วงจนท.ระดับล่างถูกโยงเอี่ยวทุจริตโดยไม่มีส่วนรู้เห็น


 

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน ได้เห็นชอบที่จะเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ให้ทำหน้าที่ประสานงาน เร่งรัด กำกับและติดตาม ให้รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในกำกับของกระทรวง ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้วย เช่นเดียวกับที่ดำเนินการในส่วนราชการระดับกรม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี มีบัญชาชัดเจนว่าการปราบปรามการทุจริตต่อรัฐ ต้องมิใช่เป็นเพียงแนวนโนบาย แต่ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม ในทุกระดับ และมีประสิทธิภาพ เมื่อมีข้อมูลรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าข่ายถูกดำเนินการตรวจสอบก็จะแจ้งให้หน่วยงานต้นสังกัดทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เมื่อดำเนินการแล้ว ก็รายงานผลมายังศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อส่งให้หน่วยตรวจสอบ อาทิ ป.ป.ช. สตง. พิจารณาต่อไป

         
 พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า หากมีความเห็นสอดคล้องกันและไม่อยู่ระหว่างการดำเนินการของป.ป.ช. ก็จะนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา หากความเห็นไม่สอดคล้องกันหรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช. ก็จะรอจนกว่าการดำเนินการของป.ป.ช. จะแล้วเสร็จ แล้วจึงนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป 

ที่ผ่านมามีการประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จำนวน 237 ราย หากรวมกับที่ประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย. อีก 21 คน จะรวมเป็น 258 ราย ซึ่งในจำนวนนี้การดำเนินการทางวินัยของต้นสังกัดแล้วเสร็จ จำนวน 62 ราย มีผลทางวินัยให้ไล่ออก 8 ราย พ้นจากตำแหน่ง 25 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบกับ ป.ป.ช.ว่าผลการพิจารณาจะตรงกันหรือไม่ 


นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ยังฝากให้พิจารณาถึงกลไกที่เหมาะสมในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำทุจริต โดยที่ตนเองอาจมิได้เห็นด้วย แต่ไม่อาจขัดขืนการปฏิบัติตามคำสั่ง นายกฯแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษในกรณีดังกล่าวเพราะคาดว่าในบางกรณีเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือร่วมรับผลประโยชน์ด้วย อย่างไรก็ตามต้องมีข้อมูลที่จะยืนยันได้ว่ามีความพยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติจากการทุจริตเหล่านั้น
         
 “การเพิ่มกลไกใหม่คือ ศปท. เข้าเป็นกลไกในทุกกระทรวง และมีการเกลี่ยอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ทำให้สถานการณ์การทุจริตลดลงอย่างชัดเจนตามผลสำรวจของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญในการปราบปรามการทุจริตคือคนโกงรายเก่าจะหมดไป คนโกงรายใหม่ต้องไม่เกิด และไม่เปิดโอกาสให้ได้โกง”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
 
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ก.ย. 2559 เวลา : 12:31:26

23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 8:31 pm