กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดอบรมสถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนผลิตบุคลากรนวดที่ผ่านการรับรองจากกรม สบส. จำนวน 303 แห่ง ทั่วประเทศ รวม 645 หลักสูตร เพื่อเตรียมความพร้อมขึ้นทะเบียนออนไลน์ผู้ให้บริการที่จบการอบรม ในวันที่ 27 กันยายน 2559 คาดว่าจะมีประมาณ 5 – 6 หมื่นคน โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ชี้พ.ศ. 2556 สปาไทยติดท็อป 20 อยู่ในอันดับที่ 16 ของโลกสร้างรายได้กว่า 32,000 ล้านบาท มั่นใจหลังใช้พ.ร.บ. สปาไทย และนวดไทยจะได้รับความนิยมสูงขึ้น
วันนี้ (5 กันยายน 2559) ที่ห้องประชุมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดอบรมผู้แทนสถาบัน สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการผลิตบุคลากรผู้ให้บริการในธุรกิจสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั้ง 3 ประเภทได้แก่สปา นวดเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อเสริมความงาม ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรม สบส. ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขประกาศ ที่ออกตามตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบริการพ.ศ. 2509 เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2547 กว่า 300 คน เพื่อลงบันทึกข้อมูลจำนวน รายชื่อผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรจัดส่งให้กรมสบส.ในระบบออนไลน์ เป็นฐานข้อมูลในการขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการต่อผู้อนุญาต คือ กรมสบส. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เป็นไปตามพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการทุกคนต้องได้รับวุฒิบัตร หรือประกาศนียบัตรด้านการบริการเพื่อสุขภาพตามหลักสูตรที่กรม สบส.ให้การรับรอง
รองอธิบดีกรมสบส.กล่าวว่าขณะนี้เหลือเวลาอีก 22 วันที่ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ กรมสบส.ได้เร่งดำเนินการ 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1. การออกใบอนุญาตเปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั้ง 3 ประเภททั้งใหม่ และเก่าที่มีอยู่แล้วกว่า 1,700 แห่ง 2.ขึ้นทะเบียนผู้ดำเนินการในสถานประกอบการเฉพาะประเภทสปา และ3.การขึ้นทะเบียนบุคลากรผู้ให้บริการ หรือที่เรียกว่าเทอราปิส (Therapist) ซึ่งเป็นหัวใจของงานบริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั้งสปา และนวดเพื่อสุขภาพหรือเสริมความงาม ตั้งแต่พ.ศ. 2547 -2559 กรมสบส.ได้ขึ้นทะเบียนรับรองหลักสูตรการเรียนการสอนของหน่วยราชการ สถาบัน สถานศึกษาที่ผลิตบุคลากรผู้ให้บริการทั่วประเทศทั้งหมด 645 หลักสูตร รวม 303 แห่ง ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีหลักสูตรกลางใช้สำหรับการอบรมอีก 11 หลักสูตรกำหนดให้สถาบันผลิตบุคลากรทุกแห่ง ส่งข้อมูลทางระบบออนไลน์ให้กรม สบส. ซึ่งจะเปิดขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2559 ซึ่งคาดว่าจะมีกว่า 5 – 6 หมื่นคน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และสามารถใช้ประกอบอาชีพได้ตลอดชีพ ทั้งนี้ได้เตรียมพัฒนาระบบขึ้นทะเบียนออนไลน์ด้วย เพื่ออำนวยความสะดวก
“สำหรับสถานการณ์สปาโลก สถาบันด้านการส่งเสริมสุขภาพโลก รายงานล่าสุดพ.ศ.2556 ทั่วโลกมีสปา 1 แสนกว่าแห่ง โดยมีมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จำนวน 32,451 แห่ง สร้างรายได้ 3,100,000 ล้านบาท สร้างงานได้กว่า 1.9 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากพ.ศ. 2550 เกือบร้อยละ 8 สำหรับสปาไทย ติดใน 20 อันดับสปาโลกยอดนิยม โดยอยู่ในอันดับที่ 16 มีรายได้ 32,340 ล้านบาท สามารถสร้างงานได้เกือบ 70,000 คน มั่นใจว่าหลังจากใช้พ.ร.บ.ฉบับนี้ สปาไทย และนวดไทยจะได้รับความนิยมสูงขึ้น จากมาตรฐานต่างๆทั้งสถานที่ ความปลอดภัย บุคลากร การบริการ” รองอธิบดีกรม สบส.กล่าว
ทางด้านนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพกล่าว เพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่จบการอบรมจากหลักสูตรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน ระหว่างปี พ.ศ. 2547-2559 สามารถตรวจสอบว่าเป็นสถาบัน และหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกรม สบส. หรือไม่ ได้ที่เว็บไซต์กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (www.thaispa.go.th) หรือเฟซบุ๊ค กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ หากไม่พบแสดงว่าเป็นหลักสูตรที่ยังไม่ผ่านการรับรอง จะต้องดำเนินการอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ปลอดภัย ในการรับริการแก่ประชาชน
ข่าวเด่น