นายกรัฐมนตรีร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน มุ่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจรอบด้าน
วันนี้ (7 ก.ย. 59) เวลา 10.15 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้นำอาเซียนและนายกรัฐมนตรีหลี เค่อเฉียง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 19 เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-จีน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
โดยในช่วงการประชุมได้มีการตัดเค้กฉลอง 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน โดยนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียน นายกรัฐมนตรีจีน และ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน ด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญในส่วนของไทย ดังนี้
ด้านความสัมพันธ์อาเซียน-จีน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนครั้งที่ 19 นี้ นับเป็นวาระพิเศษ เป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของความสัมพันธ์อาเซียน-จีน ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่อาเซียนและจีนจะร่วมกันแสดงเจตนารมณ์เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในระยะยาว ไทยเชื่อมั่นว่าจีนจะสนับสนุนความพยายามของอาเซียนในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและแข็งขัน โดยเฉพาะการสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและมีเอกภาพ และการพัฒนาโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง เพื่อประโยชน์ต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคโดยรวม
นายกรัฐมนตรีได้เสนอในที่ประชุมฯว่า อาเซียน-จีนสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือในประเด็นดังนี้
ประการแรก การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและยั่งยืน เร่งขจัดอุปสรรคทางการค้า การลงทุนและการบริการ โดยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน
โดยอาเซียน-จีน สามารถร่วมกันพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตในภาคอุตสาหกรรม การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมในการผลิต รวมทั้ง ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อมุ่งสร้างความมั่นคงด้านอาหารและส่งเสริมพลังงานทดแทน อันเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร
นอกจากนี้ อาเซียน-จีน ยังต้องช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน การกระจายรายได้อย่างสมดุลจะช่วยลดช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท และทำให้วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เข้มแข็งเพื่อเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ประการที่สอง การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ช่วยสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน การบริการ และการรวมตัวกันภายในภูมิภาค ไทยจึงสนับสนุนข้อริเริ่มของจีนในเรื่อง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road)” “เส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21” และบทบาทของ “เอไอไอบี” ซึ่งไทยร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานในทวีปเอเชีย หวังว่าข้อริเริ่มของจีนดังกล่าวจะช่วยเกื้อกูลยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคภายใต้ “แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ.2015” เพราะเราจะต้อง “เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ด้านความเชื่อมโยงของทั้งสองฝ่าย” ให้เสริมซึ่งกันและกัน อาเซียนและจีนยังสามารถร่วมมือกันในเรื่องอื่นๆ เช่น การลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นทางเลือกในการระดมเงินทุนสำหรับโครงการที่มีมูลค่าสูง
ไทยยังสนับสนุนให้จีนมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนภายใต้แนวคิด “วันพลัสวัน” เพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยสร้างงาน ลดความยากจน และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน อาเซียน-จีนควรส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งกันและกันผ่านการท่องเที่ยว ไทยจึงขอสนับสนุนให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยน ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน-จีน โดยควรร่วมมือกันส่งเสริมความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และการอนุรักษ์คุณภาพแหล่งท่องเที่ยว
ประการที่สาม ด้านความมั่นคง การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญและเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ไทยสนับสนุนความพยายามของจีนในเรื่องนี้ ผ่านการพูดคุยหารือเพื่อลดความหวาดระแวงและสร้างบรรยากาศที่สงบสุข
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์อาเซียน-จีนให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป เพื่อสันติภาพ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองของอาเซียนและจีน เพื่อที่ประชาชนของทั้งสองฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
ข่าวเด่น