คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ เห็นว่า
๑.การกระทำของนายนริศร ทองธิราช กรณีใช้บัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนแทนบุคคลอื่น มีมูลความผิดทางอาญา ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามมาตรา ๑๒๓ และ มาตรา ๑๒๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา ๖๘ วรรคหนึ่งมาตรา ๑๒๒ มาตรา ๑๒๓ และมาตรา ๑๒๖ วรรคสามเห็นควรส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติถอดถอนนายนริศร ทองธิราช ออกจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๕๖(๑) ประกอบมาตรา ๔๓(๑)และ(๒) ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๖ วรรคสองต่อไป
การกระทำของนายคมเดช ไชยศิวามงคล ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓๙ และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓๔๐ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอว่ามีพฤติการณ์ในการฝากบัตรแสดงตนและลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ไว้กับนายนริศร ทองธิราช ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๖๒ เพื่อให้ออกเสียงลงคะแนนแทนตนเองหรือผู้อื่น และมิได้เป็นผู้ใช้หรือเป็นตัวการร่วมกับนายนริศร ทองธิราช ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑๖๒ ในการแสดงตนและลงคะแนนแทนสมาชิกรัฐสภารายอื่น นายคมเดช ไชยศิวามงคล ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓๙ และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓๔๐ จึงไม่มีความผิด เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
๒.การกระทำของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กรณีรู้เห็นให้มีการสลับสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่มีการตรวจสอบให้ถูกต้องตามหน้าที่ของประธานรัฐสภาตามข้อ ๙๐ ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๓ และไม่สั่งให้มีการนำไปเสนอให้สมาชิกรัฐสภาร่วมลงชื่อรับรองญัตติตามมาตรา ๒๙๑ของรัฐธรรมนูญ และกรณีจงใจนับระยะเวลาแปรญัตติย้อนหลังทาให้เหลือระยะเวลาให้สมาชิกรัฐสภาเสนอคำแปรญัตติเพียง ๑ วัน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา ๑๒๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ เห็นควรส่งรายงานและ
เอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดาเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒
ทั้งนี้ กรณีตามข้อกล่าวหาดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เคยมีมติว่าการกระทำของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ มีมูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ตามมาตรา๕๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ และได้ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานสภานิติบัญญัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 64 ประกอบมาตรา 56 (1) มาตรา ๔๓ (๑) และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๖ วรรคสอง โดยสภานิติบัญญัติ ได้พิจารณาแล้วมีมติไม่ถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ออกจากตำแหน่ง จึงเห็นควรไม่ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานสภานิติบัญญัติ
๒. การกระทำของนายอุดมเดช รัตนเสถียร กรณีสลับสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่เสนอต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยไม่มีสมาชิกรัฐสภาลงลายมือชื่อรับรอง ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฯมาตรา ๒๙๑ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตาแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา ๑๒๓/๑แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ เห็นควรส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมืองต่อไป ตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานสภานิติบัญญัติ เพื่อให้สภานิติบัญญัติ มีมติถอดถอนนายอุดมเดช รัตนเสถียร ออกจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 56 (1) ประกอบมาตรา ๔๓ (๒) และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๖ วรรคสอง
ข่าวเด่น