วันนี้ (8 กันยายน 2559) นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2559 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจาณาโครงการขยายการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีนเอชพีวี) ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปี 2560 ตามที่กรมควบคุมโรคได้เร่งรัดการผลักดันให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีนเอชพีวี) บรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ เนื่องจากหน่วยบริการจะสามารถใช้วัคซีนได้เฉพาะที่อยู่ภายใต้บัญชียาหลักแห่งชาติ นั้น
ในขณะนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติมีมติเห็นชอบและให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีนเอชพีวี) ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ทำให้วัคซีนเอชพีวี เป็นวัคซีนตัวที่ 11 ในรอบ 17 ปี และถือเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ได้ร่วมกันผลักดันจนสามารถบรรจุวัคซีนเอชพีวีอยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขได้
ทั้งนี้ ประโยชน์สูงสุดจะเกิดแก่ประชาชนในการมีวัคซีนที่ดี มีความปลอดภัยไว้ใช้ป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม ซึ่งขั้นตอนต่อไป จะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถให้บริการฉีดวัคซีนเอชพีวีได้ ภายในปี 2560 นี้ และจะมีการนำร่องให้บริการวัคซีนเอชพีวีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในกลุ่มเป้าหมาย เป็นเด็กหญิงที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 400,000 คนทั่วประเทศ ถือเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการได้รับวัคซีนและสอดคล้องตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก จากเดิมที่ต้องฉีดถึง 3 เข็ม จะฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน นอกจากจะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้แล้วยังนับเป็นวัคซีนที่มีความคุ้มทุนกับการนำมาใช้และช่วยให้ทุ่นค่าใช้จ่ายลงได้
นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการที่กำหนดชนิดวัคซีนและตารางการให้วัคซีนที่เหมาะสมสำหรับประชากรไทยได้มีมติเห็นชอบ แนะนำให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีนเอชพีวี) มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยเร็ว เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง สอดคล้องกับผลการศึกษานำร่องในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 ที่พบว่าได้รับการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี มีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของกลุ่มเป้าหมายในเกณฑ์ดี ไม่มีอาการภายหลังได้รับวัคซีนที่รุนแรง และไม่ส่งผลกระทบต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม มะเร็งปากมดลูก นับเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆในหญิงไทย ที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากถึงปีละประมาณ 5,000 รายและมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละกว่า 10,000 ราย การให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่มีการตรวจอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นอกจากนี้วัคซีนเอชพีวี ยังเป็นวัคซีนที่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ได้เตรียมที่จะขยายสิทธิประโยชน์ด้านวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มเติม โดยได้จัดทำคำของบประมาณปี 2560 เพื่อรองรับการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวี ในสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้ว หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
ข่าวเด่น