เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๓/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมเพิ่มเติมครั้งที่ ๓
ตามที่ประเทศไทยได้มีการบังคับใช้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำการประมงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง แต่โดยที่สภาพข้อเท็จจริงของการทำการประมงในบางกรณีนั้น อาจนำไปสู่ปัญหาสำคัญอื่นหรือมีผลกระทบต่อสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศได้โดยง่าย หรือไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาการขาดมาตรการในการควบคุม เฝ้าระวังและขาดการติดตาม ซึ่งประเด็นปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วและทันท่วงที ซึ่งหากล่าช้าหรือต้องรอกระบวนการตามขั้นตอนปกติจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนานาประเทศโดยเฉพาะต่อการรับการตรวจประเมินโดยสหภาพยุโรปในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายของประเทศไทย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมงที่ไม่มีทะเบียนเรือหรือมีทะเบียนเรือแต่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง ต้องแจ้งจุดจอดเรือโดยระบุสถานที่จอดเรือ ให้ชัดแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาในเขตที่จะจอดเรือภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายมีอำนาจสั่งติดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือและทำเครื่องหมายบนเรือประมงลำดังกล่าวตามระเบียบที่กรมเจ้าท่าประกาศกำหนด
ห้ามมิให้ผู้ใดปลดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือหรือเคลื่อนย้ายเรือประมงออกจากจุดที่แจ้งจอดเรือตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นและได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายในเขตที่จอดเรือ หรือกรณีมีเหตุฉุกเฉินให้สามารถปลดเครื่องมือติดตรึงพังงาเรือหรือเคลื่อนย้ายเรือประมงออกจากจุดที่แจ้งจอดเรือได้ โดยต้องแจ้งต่อผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภายในสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาที่มีการเคลื่อนย้ายเรือประมง ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือประมงที่ได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องติดตั้งระบบติดตามเรือประมงตามข้อ ๖ (๒) ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
ข้อ ๒ ในกรณีเรือประมงตามข้อ ๑ มีทะเบียนเรือแต่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมงหากเจ้าของเรือไม่ดำเนินการแจ้งของดใช้เรือหรือขอเปลี่ยนประเภทเรือต่อเจ้าท่าตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยภายในสามสิบวันนับจากวันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเรือไทยและจำหน่ายทะเบียนเรือออกจากสมุดทะเบียนเมื่อได้มีคำสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนเรือแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของเรือส่งคืนใบทะเบียนเรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากนายทะเบียนเรือ
ข้อ ๓ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมจำนวนเรือประมง ให้กรมเจ้าท่ามีอำนาจออกประกาศงดการจดทะเบียนเรือไทยสำหรับการประมงเป็นการชั่วคราว หรือกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจดทะเบียนเรือไทยและการงดใช้เรือสำหรับการประมงเป็นการเฉพาะได้
ข้อ ๔ ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมงขนถ่ายคนประจำเรือระหว่างนำเรือออกไปทำการประมง เว้นแต่เพื่อความปลอดภัยของคนประจำเรือหรือมีปัญหาข้อพิพาทหรือตามความประสงค์ของคนประจำเรือ หรือในกรณีมีเหตุสุดวิสัยอื่น โดยให้แจ้งต่อศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออกทันที
ข้อ ๕ เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมงผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑ วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทสำหรับเรือขนาดสิบตันกรอส และปรับเพิ่มขึ้นตามขนาดของเรือในส่วนที่เกินสิบตันกรอสขึ้นไปตันกรอสละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๖ ผู้ใดไม่ส่งคืนใบทะเบียนเรือภายในระยะเวลาที่กำหนดในข้อ ๒ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ข้อ ๗ เจ้าของหรือผู้ควบคุมเรือผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๔ ต้องระวางโทษปรับไม่น้อยกว่าสี่แสนบาทแต่ไม่เกินแปดแสนบาทต่อคนประจำเรือหนึ่งคน
ข้อ ๘ บรรดาความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๕๘ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา
การทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม ลงวันที่ ๕ สิงหาคม
พุทธศักราช ๒๕๕๘ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๒/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา
การทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ และตามคำสั่งนี้ ให้อธิบดีกรมประมงหรืออธิบดีกรมเจ้าท่า แล้วแต่กรณี
มีอำนาจเปรียบเทียบได้
ข้อ ๙ ในการเปรียบเทียบตามข้อ ๘ อธิบดีกรมประมงหรืออธิบดีกรมเจ้าท่ามีอำนาจมอบหมายให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง กฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย หรือกฎหมายว่าด้วยเรือไทย แล้วแต่กรณี ดำเนินการเปรียบเทียบได้โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบหรือเงื่อนไขประการใด ๆ ให้แก่ผู้ได้รับมอบหมายตามที่เห็นสมควรก็ได้
ให้พนักงานสอบสวนที่ได้รับมอบหมายตามวรรคหนึ่งมีอำนาจดำเนินการเปรียบเทียบได้แม้จะอยู่นอกเขตอำนาจของตน เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่ได้เปรียบเทียบตามข้อ ๘ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องไม่เกินสามสิบวัน ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อ ๑๐ ให้บรรดาใบอนุญาตให้ออกไปทำการประมงในน่านน้ำของรัฐต่างประเทศและในทะเลหลวง
ที่ได้ออกให้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา
การทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำไทยตามพระราชกำหนดการประมง พุทธศักราช ๒๕๕๘ จนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ข้อ ๑๑ ห้ามมิให้ผู้มีอำนาจในการออกใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประมงออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำไทยให้แก่ผู้ยื่นคำขอซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้ จนกว่าผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการ
แก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๒ ในกรณีจำเป็น ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
ข้อ ๑๓ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ข่าวเด่น