กรมสนับสนุนบริการสุขภาพแนะวิธีใช้เครื่องตรวจวัดความดันโลหิตแบบดิจิตอลหรือแบบอัตโนมัติประจำบ้าน ให้เลือกซื้อชนิดที่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานเช่น มอก. CE เป็นต้น มีระบบการทดสอบค่ามาตรฐานหลังใช้ เน้นย้ำให้เลือกใช้ถ่านไฟชนิดที่เป็นอัลคาไลน์เท่านั้น เนื่องจากมีแรงดันและกระแสไฟฟ้าเสถียร ห้ามใช้ถ่านธรรมดาหรือถ่านราคาถูก เนื่องจากมีกำลังไฟน้อย อาจให้ค่าผิดพลาดได้สูง ส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคได้
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันประชาชนนิยมซื้อเครื่องตรวจวัดความดันโลหิตไปใช้เองที่บ้านกันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการดูแลสุขภาพ สำหรับเฝ้าระวังอาการผิดปกติของตนเองและคนในครอบครัวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา พบประชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีภาวะความดันโลหิตสูงเกือบ 11 ล้านคน และในจำนวนผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ร้อยละ 60 ในผู้ชาย และร้อยละ 40 ในผู้หญิงไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าเป็นโรคนี้ ดังนั้นการมีเครื่องตรวจวัดความดันโลหิตประจำบ้าน จะมีผลดีทั้งคนที่ยังไม่ป่วยและคนที่ป่วยโรคนี้แล้ว ทำให้รู้อาการผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและรับการดูแลรักษาถูกต้อง อย่างไรก็ดีเครื่องวัดความดันโลหิตที่มีจำหน่ายขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นระบบอัตโนมัติหรือเรียกว่าระบบดิจิตอล ใช้ง่าย สะดวก รายงานผลทางหน้าจอทั้งค่าความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจต่อนาที ซึ่งในคนปกติมีอัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที มีระดับความดันโลหิตส่วนบนไม่เกิน 120 มิลลิเมตรปรอท และส่วนล่างไม่เกิน 80 มิลลิเมตรปรอท
อธิบดีกรมสบส.กล่าวต่อว่า ในการเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตที่ให้ผลเชื่อถือได้นั้น ขอให้ประชาชนเคร่งครัดเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้กับชีวิต ใช้ตรวจวัดการทำงานของหัวใจ มีข้อแนะนำดังนี้ 1.เลือกซื้อเครื่องที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ โดยสังเกตได้จากสัญลักษณ์เช่น CE (European Conformity:CE) หรือเครื่องหมาย UL (Underwriters' Laboratories :UL) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือนั้นได้รับการออกแบบและผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามข้อบังคับอุตสาหกรรมสหภาพยุโรป หรือดูที่เครื่องหมาย มอก. มาตรฐานประเทศไทย เป็นต้น โดยต้องพิจารณาถึงเรื่องการรับประกันสินค้าและการบริการภายหลังการขายด้วย ไม่ควรซื้อเครื่องที่วางจำหน่ายตามแนวชายแดน เนื่องจากมีความเสี่ยงไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการรับประกันสินค้า 2. ให้เลือกซื้อเครื่องชนิดที่วัดที่ต้นแขน จะได้ค่าความดันโลหิตที่ได้มาตรฐานใกล้เคียงกับความเป็นจริงกว่าชนิดที่วัดที่ข้อมือ เพราะอยู่ใกล้หัวใจและอยู่ระดับเดียวกับหัวใจมากที่สุด และ 3.ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีระบบการตรวจสอบค่าความถูกต้องในการวัดหรือเรียกว่าเทสโหมด (Test Mode) เพื่อทราบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องหลังใช้งานแล้วให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
“เรื่องที่ประชาชนต้องใส่ใจมากๆ คือการเลือกใช้แบตเตอรี่หรือถ่านไฟที่จะใส่ในเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดอัตโนมัติ ถ่านไฟที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดคือชนิดที่เป็นอัลคาไลน์ (Alkaline Battery) ขนาด 1.5 โวลท์ ซึ่งจะมีแรงดันกำลังไฟต่อเนื่องหรือเสถียรและมีความจุไฟมากกว่าถ่านไฟธรรมดาหลายเท่าตัว ถ่านไฟที่ไม่ควรใช้คือถ่านทั่วไปโดยเฉพาะถ่านที่มีราคาถูกที่วางขายตามแนวชายแดนต่างๆ เนื่องจากกำลังไฟไม่สม่ำเสมอ อาจมีผลต่อการทำงานของเครื่อง ทำให้ค่าความดันโลหิตคลาดเคลื่อนผิดพลาดได้ ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยได้ ” อธิบดีกรมสบส.กล่าว
ทางด้านนายสุรพันธ์ ชัยล้อรัตน์ ผู้อำนวยการกองวิศวกรรมการแพทย์ กล่าวว่า ในการดูแลรักษาเครื่องวัดความดันโลหิตระบบดิจิตอลให้มีประสิทธิภาพต่อการใช้งาน ขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติดังนี้ 1. ควรเก็บวางเครื่องไว้ในที่มิดชิด และเก็บเครื่องในที่ร่ม ห้ามไว้ในที่โดนแสงแดดจัด ห้ามเก็บในรถยนต์หรือในที่มีอุณหภูมิสูง ความชื้นสูงและมีฝุ่นมาก ระมัดระวังอย่าให้เครื่องตกหรือกระแทกพื้น กรณีที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานให้ถอดแบตเตอรี่ออก 2. หลังใช้งานให้ดูแลทำความสะอาดเครื่อง โดยใช้ผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ดและเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง ห้ามใช้น้ำมันเบนซิน ทินเนอร์และสารรุนแรงอื่นๆทำความสะอาดเครื่องอย่างเด็ดขาด 3.ห้ามบิดหรือมัดผ้าพันแขน ห้ามดัดแปลงหรือแยกชื้นส่วนของเครื่องวัดความดันโลหิตและปลอกสวมแขน 4.ไม่ควรกดปุ่มเปิดเครื่องโดยที่ยังไม่ได้พันผ้าที่แขน ในการใช้เครื่องควรอ่านและทำความเข้าใจคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตก่อนทุกครั้ง ซึ่งจะทำให้เครื่องมีความคงทนและให้ค่าตรวจวัดที่ถูกต้องแม่นยำ โดยกองวิศวกรรมการแพทย์ได้นำความรู้นี้เผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.medi.moph.go.th แล้ว
ข่าวเด่น