ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ เปิดยืนเหนือ 1,460 จุด ผลักดันด้วย ICT / อสังหาฯ ที่ฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มหลักอื่นๆ ในรอบนี้ บวกกับหุ้นขนาดกลางและเล็กกลับมาเด่น ภายใต้บรรยากาศการลงทุนที่เป็นกลาง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 3 อีก 5.20 จุด มาอยู่ที่ 1,463.39 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 43,746 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีก 1,386 ล้านบาท Long สุทธิ SET50 Index Futures อีกครั้ง 3,536 สัญญา แต่คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 4,383 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          BoE คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณอาจลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกในอนาคต
          จับตาหุ้นเกี่ยวข้อง FTSE เพราะจะมีการปรับดัชนีในวันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
          ติดตามการประชุม BoJ วันที่ 21 ตลาดคาด BoJ อาจลดอัตราดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้น
          ติดตามการประชุมเฟดวันที่ 21 ตลาดให้โอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 18% เทียบกับวันก่อนหน้า 20% 
          ติดตามการประชุมครม.อาจมีการพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ที่รอการพิจารณาอยู่ 3 เส้นทาง

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง
          เราประเมิน SET INDEX วันนี้จะไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,470-1,480 จุด ผลักดันด้วยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ FTSE ซึ่งจะมีความโดดเด่นในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย ผลของการปรับดัชนีภายในราคาปิดวันนี้ พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่มีแนวโน้มอาจแตะระดับ 8.0-9.0 หมื่นล้านบาทในวันนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงปัจจัยครั้งเดียวของการปรับดัชนีเท่านั้น
          ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เราแนะนำ “ขายทำกำไรและกลับมาถือเงินสด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ FTSE และกลับมาถือเงินสดเพื่อรอซื้อเล่นรอบสั้นในสัปดาห์หน้า เพราะเราเชื่อว่า SET INDEX จะกลับมาซึมตัวลงเพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 21 ก.ย. แม้ว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้จะอยู่ที่ 18% แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงเปราะบาง ดังจะเห็นได้จาก VIX Index ที่เปลี่ยนแปลง 15% +/- ต่อวันในช่วงนี้
          ทั้งนี้จับตาหุ้นขนาดกลางและเล็กในรอบนี้จะกลับมาฟื้นตัวหรือมีสีสรรมากขึ้น หุ้นขนาดใหญ่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงพักฐาน เช่นเดียวกับ SET INDEX ซึ่งเราให้น้ำหนักกับหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่เน้นการบริโภคภายในประเทศ เพราะมีแนวโน้มที่กำลังซื้อภายในประเทศจะฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ 
          ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศกับการประชุม BoJ และ เฟด จะเป็นปัจจัยเด่นในสัปดาห์หน้าที่อาจผลักดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมามีคึกคักจากโอกาสเฟดคงอัตราดอกเบี้ยได้ 

Strategy of the Day          
          1. เก็งกำไร SCC : ราคาปิด 522.00 บาท ราคาเหมาะสม 600.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าราคาหุ้นจะได้อานิสงค์เชิงบวกจากการถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี FTSE ซึ่งจะปรับน้ำหนักในวันนี้ โดยคาดว่า SCC จะมีเม็ดเงินไหลเข้าสูงถึง US$180 ล้าน 
          b) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างใน 2H59 จากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ จะผลักดันความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ให้ฟื้นตัว และเติบโตต่อเนื่องในปี 2559 
          c) SCC มีความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนและมีการขยายธุรกิจต่อเนื่องจาก EBITDA สูงถึงปีละ 8 หมื่นล้านบาท จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตในระยะยาว ขณะที่ Valuation ไม่แพง ซื้อขาย PER2560 ที่ 12.8 และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 3.4% ต่อปี           
          2. สะสม BLAND : ราคาปิด 1.61 บาท ราคาเหมาะสม 2.00 บาท
          a) MBKET ประเมินว่า Downside Risk ของราคาหุ้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเข้าสู่ช่วงซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2559 – 28 ก.พ. 2560 วงเงิน 2,278 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 911 ล้านหุ้น หรือเทียบเท่าราคาเพดานซื้อหุ้นคืนหุ้นละ 2.50 บาท
          b) BLAND เริ่มซื้อหุ้นคืนแล้วรวม จำนวน 268.69  ล้านหุ้น รวม 447.6 ล้านหุ้น คิดเป็นราคาเฉลี่ยหุ้นละ 1.67 บาท 
          c) Valuation ถูก ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีหลังหักลบการซื้อหุ้นคืนที่ 2.50 บาท และเรามีมุมมองเชิงบวกต่อโครงการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากจะส่งผลให้ตัวเลขทางการเงินดีขึ้น เช่น ROE, EPS และช่วยดูดซับ Free Float ของบริษัทที่สูงถึง 69.5% ให้ลดลง

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ US$215 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$26 ล้าน 
ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดเดียวใน TIP ที่ต่างชาติซื้อสุทธิต่อ

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเลือกสะสมหุ้นรายตัวต่อเนื่อง
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีก 1,386 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 11,925 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 129,327 ล้านบาท 
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 3,536 สัญญา น่าจะเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Short อีกครั้ง ส่งผลให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 แคบลงเล็กน้อยเป็น 2.11 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.45 จุด ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิลดลงเป็น 33,551 สัญญา
          และนักลงทุนกลุ่มนี้ คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 4,383 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิ 16,638 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงแรง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 5 มากถึง 7.31bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.05bps ปิดที่ 2.254%

Short-Selling วานนี้ 
ลดลงเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,493 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,764 ล้านบาท และ SBL กระจายตัวไปใน 82 หุ้น           

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อย เป็นการปรับพอร์ตระหว่าง Domestic กับ Global 
          การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง เพียง 196 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 660 ล้านบาท โดยเป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก ด้วยการขายสุทธิกลุ่มพลังงานต่อเนื่องอีก 156 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 142 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิกลุ่มธนาคาร 419 ล้านบาท และกลุ่ม ICT 109 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
          - ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.60 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.65 แสนตำแหน่ง แต่ใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.59 แสนตำแหน่ง 
          - ยอดค้าปลีก เดือนส.ค. หดตัว 0.3% mom แย่กว่า Bloomberg consensus คาด 0.0% mom และเดือนก่อนหน้า +0.1% mom โดยเป็นผลจากยอดขายยานยนต์ที่อ่อนแอ
          - ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนส.ค. หดตัว 0.4% mom แย่กว่า Bloomberg consensus คาด -0.2% mom และเดือนก่อนหน้า +0.6% mom แม้ว่าภาคการผลิตยานยนต์จะเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 0.5% mom ถูกชดเชยด้วยกำลังการผลิตสินค้าไฮเทคที่ลดลง 0.5% mom

ยุโรป
          นายกฯ อังกฤษเตรียมเปิดการเจรจากับ Brexit กับอียู: นายกฯ ยืนยันที่จะมีการเจรจากับอียูภายใต้เงื่อนไขที่เฉพาะ เพื่อรักษาเงื่อนไขทางการค้าระหว่างประเทศที่ดี ภายใต้ข้อจำกัดของการเคลื่อนย้ายแรงงาน เรายืนยันว่า Brexit คือ Brexit และอังกฤษจะเปิดการเจรจาไปสู่ความสำเร็จ 
          อิตาลีกำหนดวันทำประชามติถึงกรณีการปฎิรูปรัฐธรรมนูญ: นายกฯ อิตาลี ประกาศวันทำประชามติวันที่ 26 ก.ย. ต่อการพิจารณารับหรือไม่รับการปฎิรูปรัฐธรรมนูญที่ผ่านการพิจารณาโดยสภา ซึ่งเร็วกว่าการประเมินครั้งก่อนระหว่างวันที่ 15 พ.ย.ถึง 5 ธ.ค. และรัฐบาลภายใต้การดูแลของนายกฯ Renzi จะขึ้นอยู่กับผลการลงประชามติในครั้งนี้ เพราะถือว่าเป็นการปฎิรูปครั้งสำคัญที่ลดอำนาจของวุฒิสภาและรัฐบาลท้องถิ่น
          ธนาคารกลางสวิสคงอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ระดับ -1.25% - 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.75% ตามที่ตลาดคาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางประเมินว่าค่าเงินฟรังก์สวิสยังคงสูงเกินความเป็นจริง ธนาคารจะเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันของค่าเงิน สำหรับภาพเศรษฐกิจ คาดเติบโต 1.5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นกรอบบนของประมาณการครั้งก่อนระหว่าง 1.0-1.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดคงที่ที่ -0.4% และจะเป็น 0.2% และ 0.8% ในปี 2560-2561 ตามลำดับ
          BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด: อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 0.25% ด้วยเสียง 9-0 เนื่องจากข้อมูลระยะสั้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์นับตั้งแต่ลงประชามติ Brexit แต่อาจไม่เป็นการยืนยันในระยะยาว แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมจะดีกว่าที่คาดการณ์ในเดือนส.ค.ก็ตาม ทั้งนี้สมาชิกส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนให้มีการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะเศรษฐกิจในระยะยาวยังมีความเสี่ยง
          EC รายงานประเทศที่เสี่ยงต่อการถูกหลบเลี่ยงภาษี: รายงาน European Commission พบว่า 81 ประเทศที่มีโอกาสเป็นไปได้สูงในการถูกหลบเลี่ยงภาษี และอาจเป็นข้อมูลในการคัดกรองและกำหนดมาตรการคว่ำบาตรประเทศเหล่านี้ หากสมาชิกในกลุ่มอียูเห็นด้วย ทั้งนี้การคัดกรองในขั้นตอนแรกจะสรุปในปีหน้า และจะเป็น Blacklist ของ EU ในการสร้าง tax havens ที่ใช้ในการหลบเลี่ยงภาษีของบริษัทข้ามชาติและส่วนบุคคล

จีน
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียม Privatization รถไฟ Kyushu: ด้วยการออกขายหุ้o IPO ซึ่งถือว่าเป็นการขาย IPO ใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยรัฐบาลจะขายหุ้น 160 ล้านหุ้นที่มีอยู่ และไม่มีการออกหุ้นใหม่ในการขายรอบนี้ ด้วยราคา Yen2,450/หุ้น คาดรัฐบาลจะได้เงินราว Yen3.92 แสนล้าน หรือ US$3.8 พันล้าน ซึ่งจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียววันที่ 25 ต.ค. 
          ธนาคารกลางสิงคโปร์ประเมินอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันสูงเกินไป: ผู้ว่าการธนาคารกลางสิงคโปร์ ประเมินความไม่แน่นอนของโลก รวมถึงเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบในวงกว้างจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นโยบายการเงินอยู่ในระดับที่สูงเกินไป

ไทย
          ไม่มี
 

 โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 16 ก.ย. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ก.ย. 2559 เวลา : 10:57:41

17-06-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 17, 2024, 5:40 pm