ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
7 เดือน ปี 59 กฟภ. กำไรสุทธิ 15,000 ลบ. คาดการณ์ทั้งปี 20,400 ลบ.


 


นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)  เป็นประธานแถลงข่าวเนื่องในโอกาสวันสถาปนาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ครบรอบ 56 ปี ภายใต้นโยบายการบริหารและพัฒนา PEA สู่การเป็น การไฟฟ้าแห่งอนาคต (The Electric Utility of the Future) เป็นปีแห่งความปลอดภัยในการทำงาน มุ่งเน้น “พัฒนาคนด้วยนวัตกรรม พัฒนางานด้วยเทคโนโลยี” โดยมีคณะผู้บริหารและสื่อมวลชนร่วมรับฟังกล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ชั้น 23 อาคาร LED สำนักงานใหญ่ PEA กรุงเทพฯ เมื่อ 16 กันยายนที่ผ่านมา 
       
นายเสริมสกุล กล่าวถึง ความคืบหน้าการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่เกิน 500 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 6,000 ล้านบาท ตามที่ครม. มีมติอนุมัตินั้น ที่ผ่านมาบริษัทลูกของกฟภ. คือ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ร่วมลงทุนกับเอกชน เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 35 เมกะวัตต์
และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนอีกหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ แต่ในช่วงแรกจะเน้นการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ทั้งในส่วนของการร่วมทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์และการวางระบบสายส่งไฟฟ้า 

ผู้ว่ากฟภ. กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลา 56 ปีที่ผ่านมา PEA มุ่งมั่นให้บริการพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดทั้งในด้านคุณภาพและบริการ ปัจจุบัน PEA มีพื้นที่การให้บริการ 74 จังหวัด สำนักงานให้บริการรวมกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ จำนวนสถานีไฟฟ้า 540 แห่ง ระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูงประมาณ 300,000 วงจร-กิโลเมตร รองรับลูกค้าประมาณ 18.44 ล้านราย ซึ่งมีความต้องการใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุดรวม 20,438.91 เมกะวัตต์ 

สำหรับผลประกอบการในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 PEA กำไรสุทธิ 15,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าจะมีกำไรสุทธิรวมตลอดทั้งปี 2559 ประมาณ 20,400 ล้านบาท
 ในขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) รวม 20,438 เมกะวัตต์ ขยายตัว 7% เทียบจากปีก่อน

ก้าวต่อไปสำหรับ PEA มุ่งสู่การเป็นไฟฟ้าแห่งอนาคต (The Electric Utility of the Future) ด้วยนโยบาย “พัฒนาคนด้วยนวัตกรรม พัฒนางานด้วยเทคโนโลยี” ให้ PEA เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ พร้อมทั้งพัฒนากระบวนการทำงานที่รองรับยุคดิจิทัล มีมาตรฐานงานบริการที่เป็นเลิศ มีระบบไฟฟ้าที่ทันสมัย มั่นคง เชื่อถือได้ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ สำหรับแผนงานโครงการสำคัญ ที่ PEA ดำเนินการมีดังนี้

• โครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่ง PEA ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการในวงเงินลงทุน 1,069 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (ระหว่างปี 2558-2560)

• โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ จำนวน 29,000 ครัวเรือน (ระหว่างเดือน ต.ค. 2558 - ก.ย. 2559) โดยใช้งบประมาณรวม 1,000 ล้านบาท ได้ขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่แล้ว จำนวน 32,336 ครัวเรือน (111.50 % ของเป้าหมายทั้งโครงการ)สำหรับโครงการสว่างไสวทั่วไทยจ่ายไฟทุกครัวเรือน ได้ขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปแล้ว จำนวน 31,923 ครัวเรือน (91.21% ของเป้าหมายทั้งโครงการ)

• การจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าของ PEA ในปี 2559 ดำเนินการรื้อถอนสายสื่อสารที่ไม่ใช้งานและรวบมัดสาย ในปี 2559 ระยะทางรวม 1,000 กิโลเมตร ควบคู่กับการติดตั้งรางพาดสายสื่อสารใต้คานนั่งร้านหม้อแปลงเส้นทางวิกฤติ ในแหล่งชุมชนเมือง 74 จังหวัด วงเงินงบประมาณรวม 11.10 ล้านบาท

• โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่ จ.เชียงราย จ.นราธิวาส จ.นครพนม จ.กาญจนบุรี  ใช้งบประมาณรวม 4,000 ล้านบาท โดยคณะกรรมการ กฟภ. เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 • การดำเนินงานด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี PEA สร้างต้นแบบการไฟฟ้าโปร่งใสและขยายผลไปยังทุกสายงานและการไฟฟ้าต่างๆ ทั่วประเทศ ให้เป็นมาตรฐาน แนวทางเดียวกันทั้งองค์กร

- เข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ได้รับการประเมินในระดับสูงมาก

• การอำนวยความสะดวกและรวดเร็วในงานบริการให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า PEA จัดตั้งศูนย์บริการลูกค้า ครอบคลุมทุกภาคส่วนให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็ว เปิดให้บริการ PEA Shop ในห้างสรรพสินค้า จำนวน 82 แห่ง          ได้ปรับปรุงรถยนต์ให้เป็นรถบริการเคลื่อนที่ PEA Mobile Shop บริการตามชุมชนต่างๆ จำนวน 50 คัน มีการพัฒนาระบบงานบริการขอใช้ไฟฟ้าแบบ One Touch Service ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า (1129 PEA Call Center) เข้าสู่ระยะที่ 3 โดยพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพจากเดิม 60 คู่สาย เป็น 90 คู่สาย มีการเพิ่มภาษาอาเซียน เช่น ภาษาพม่า กัมพูชา และมลายู อีกทั้งได้เพิ่มช่องทาง Social Media ต่าง ๆ
 
 


 

บันทึกโดย : วันที่ : 17 ก.ย. 2559 เวลา : 10:48:33

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:10 am