'พลเอกฉัตรชัย' เตรียมเยือนภูฏาณ เร่งขยายผลโครงการพระราชดำริฯ และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สู่ประชากรภูฏาณ พร้อมยกระดับความร่วมมือด้านการเกษตร – การค้าสินค้าเกษตรของสองประเทศ
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 22 – 26 กันยายน 2559 มีกำหนดเดินทางเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ภูฏาน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1. เผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมการทำเกษตรโดยใช้หลักเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ภาคเกษตรของภูฏาน ผ่านโครงการพระราชดำริฯ ต่างๆ ที่กระทรวงเกษตรฯ เข้าไปให้การสนับสนุน ทำให้รัฐบาลภูฏานมีความต้องการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในภาคเกษตรกรรมของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพระราชวงศ์และประชาชนของทั้งสองประเทศ และเพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี
2. ติดตามความก้าวหน้าโครงการในพระราชดำริฯ ของพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ที่กระทรวงเกษตรฯ ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกับภูฏาณ ซึ่งหลายๆ โครงการประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ พร้อมหาแนวทางความร่วมมือที่จะขยายผลไปยังโครงการอื่นมากขึ้น 3. เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย –ภูฏาน ซึ่งจะได้มีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและป่าไม้ภูฏาณ ในการผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในความร่วมมือด้านการเกษตรในสาขาที่ทั้งสองประเทศเห็นพ้องร่วมกัน ได้แก่ ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทาน ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย – ภูฏาน ซึ่งได้มีการลงนามร่วมกันแล้วเมื่อวันที่ 4 ก.ย.53 และ 4. ส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพของไทย ได้แก่ ปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ และสินค้าเกษตรแปรรูปอื่นๆ ของไทยสู่ประชาชนภูฏาน และนักท่องเที่ยวในภูฏาน
“ที่ผ่านมาไทยได้สนับสนุนการเกษตรในหลากหลายสาขาแก่ภูฏาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาไม้ดอกไม้ประดับ สนับสนุนพ่อแม่พันธุ์สัตว์ ให้ความรู้ด้านชลประทาน และสนับสนุนโครงการในพระราชดำริฯ เป็นต้น ดังนั้น การเยือนราชอาณาจักรภูฏาในครั้งนี้ นอกจากเพื่อเร่งรัดติดตามความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรค การดำเนินงานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบด้านการเกษตร ในพระราชดำริของพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ที่เมืองพูนาคาเพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงด้วยดีตามพระราชประสงค์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ภาคเกษตรกรรมของภูฏาน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้พระเกียรติคุณกว้างไกลยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลไทยยินดีให้การสนับสนุนในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการเกษตรของประเทศไทยในภูมิภาคอีกด้วย” พลเอก ฉัตรชัย กล่าว
สำหรับข้อมูลการค้าสินค้าเกษตรไทย-ภูฏาณ พบว่า ระหว่างปี 2556-2558 ยังมีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยไม่มากนัก เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญของภูฏาณ ได้แก่ อินเดีย ฝรั่งเศส บังกลาเทศ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรของไทยก็มีแนวโน้มที่ดีและมีการขยายตัวมากขึ้น โดยในปี 2558 มูลค่าการค้า 72 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 102.15 ต่อปี ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับภูฏานมาโดยตลอด สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ กาแฟ ชา น้ำผลไม้หรือน้ำพืชผักต่าง ๆ ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง อาหารปรุงแต่งที่ทำจากธัญพืชหรือผลิตภัณฑ์ธัญพืชประเภทซีเรียล เป็นต้น ดังนั้น การร่วมมือกันระหว่างสองประเทศในการนี้จะช่วยส่งเสริมและผลักดันการค้าสินค้าเกษตรระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้นไม่เพียงแต่ ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรให้ประชากรภูฏาณบริโภคแล้ว ยังช่วยเผยแพร่สินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเที่ยวภูฏาณได้อีกทางหนึ่งด้วย.
ข่าวเด่น