หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 22 ก.ย. 2559ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ พบว่าปรับตัวลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล ลงมาแตะที่ระดับ 504.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3.4ล้านบาร์เรล
(+) ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายของสหรัฐฯ ให้อยู่ในระดับเดิม ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบมีราคาลดลงในสายตานักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
(+) นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังมีปัจจัยบวกจากอุปทานน้ำมันดิบที่ลดลงจากทะเลเหนือ จากเหตุการณ์ประท้วงหยุดทำงานของพนักงานหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบ หลังจากกลุ่มสหภาพแรงงานไม่สามารถตกลงเรื่องข้อเสนอการปรับขึ้นค่าแรงกับกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซในประเทศนอร์เวย์ได้
(-) อย่างไรก็ตาม กลุ่มโอเปกได้ปรับคาดการณ์สมดุลน้ำมันในปี 2560 เพิ่มขึ้น จากเดิมในเดือนที่แล้วที่ได้คาดการณ์ว่าจะมีน้ำมันดิบส่วนเกินประมาณ 100,000 บาร์เรลต่อวัน ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ700,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากกลุ่มโอเปกมองว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจะลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ 0.53 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลือเพียง 32.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศอินโดนีเซียและศรีลังกา ประกอบกับในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศอินเดียมีการส่งออกน้ำมันเบนซินลดลงร้อยละ 14.99เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศในตะวันออกกลางและแทนซาเนีย แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากอุปทานในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ41-46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 20 -21 ก.ย. ตลาดคาดว่ามีโอกาสเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่ามีโอกาสกว่าร้อยละ 40ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากกลุ่มลิเบียและไนจีเรียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มมากขึ้น หลังสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศเริ่มคลี่คลายลง โดยไนจีเรีย เตรียมที่จะมีการเสนอขาย Que Iboe ในสิ้นเดือนนี้แล้ว
ภาวะอุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปล้นตลาดมีแนวโน้มส่งผลกดดันราคาต่อเนื่อง หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการขนส่งน้ำมันดิบที่กลับมาเป็นปกติ และปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังอุปสงค์เริ่มปรับตัวลดลง
โดย หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ประจำวันที่ 22 ก.ย. 2559
ข่าวเด่น