บมจ. ช ทวี หรือ CHO รับงานใหม่ผลิตและประกอบรถออกแบบพิเศษตามความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ จำนวน 60 คัน มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท กำหนดส่งมอบล็อตแรกจำนวน 15 คันภายในปีนี้ ดันปริมาณงานในมือ (Backlog) ทะลุ 700 ล้านบาท ทยอยส่งมอบปีนี้เป็นต้นไป ด้านบิ๊กบอส "สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย" เชื่อมั่นแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนแน่นอน
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน)(CHO) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อในงานผลิตและประกอบรถออกแบบพิเศษตามความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ จำนวน 60 คัน มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาส่งมอบล็อตแรกจำนวน 15 คันภายในปีนี้
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างเตรียมทยอยส่งมอบงานรถดับเพลิงออกแบบพิเศษไปยังลูกค้าต่างประเทศจำนวน 12 คัน จากยอดคำสั่งซื้อทั้งหมด 43 คัน ซึ่งกำหนดระยะเวลาส่งมอบล็อตสุดท้ายอีกจำนวน 10 คัน ภายในปี 2560
"เรายังคงเดินหน้าหางานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน ทั้งนี้ จากการรับงานใหม่เข้ามาทำให้ปัจจุบันมีปริมาณงานในมืออยู่มากกว่า 700 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกจำนวนมาก ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าแนวโน้มผลการดำเนินงาน ในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน" นายสุรเดช กล่าว
ส่วนกลยุทธ์การดำเนินงานบริษัทฯ ยังคงแผนการรักษาฐานลูกค้าเดิม และเร่งขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มฐานรายได้ให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น และภายในสิ้นปีนี้เตรียมเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถใหญ่ให้บริการ 24 ชั่วโมงเน้นให้บริการครบวงจรแบบ one-stop service แห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี และวางแผนงานเตรียมเปิดเพิ่มอีกจำนวน 7 ศูนย์ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศภายในปี 2562
ส่วนความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ซึ่ง CHO ในฐานะตัวแทนกลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC ที่ได้ขอยื่นเอกสารให้ตรวจสอบผู้ประกวดราคาต่ำสุด ในประเด็นการรายงานงบดุลว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและให้ยกเลิกสัญญาการทำสัญญาจ้างจัดซื้อรถเมล์ NGV ซึ่งคาดว่าผลการตรวจสอบดังกล่าวจะสรุปและจัดส่งมาให้ทางทีมผู้บริหารองค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.) พิจารณาภายในสัปดาห์นี้
ข่าวเด่น