นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำกับสำนักงานชลประทานที่ 12 คาดว่าปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ตำบลบางหัก ตำบลบางหลวง ตำบลวัดตะกู ตำบลทางช้าง อำเภอบางบาล ตำบลท่าดินแดง ตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลบ้านแพน ตำบลรางจระเข้ ตำบลสามกอ ตำบลเจ้าเจ็ด ตำบลบางนมโค และตำบลน้ำเต้า อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณท้ายแม่น้ำน้อย ซึ่งสำนักงานชลประทานที่ 12 จะดำเนินการบริหารจัดการน้ำเข้าพื้นที่ชลประทานฝั่งตะวันตกและตะวันออกด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาตามศักยภาพที่สามารถรับน้ำได้
ปภ. ได้ประสาน 7 จังหวัดภาคกลางลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนอกแนวคันกั้นน้ำ ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เกษตรกร ผู้ประกอบการ ร้านค้า เรือโดยสาร นักท่องเที่ยว ประชาชนที่สัญจรทางน้ำ รวมถึงผู้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงสร้างหรือเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดตามสถานการณ์และประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเก็บและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม
นอกจากนี้ ยังได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบล (OTOS) ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดวางแนวกระสอบทรายและติดตั้งเครื่องสูบน้ำป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และลำน้ำสาขา
ข่าวเด่น