ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมาเปิดย่อตัวลงหลุดแนว 1,500 จุดอีกครั้ง หุ้นหลักปรับฐานลง จากแรงขายทำกำไรของต่างชาติ อีกทั้งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบทั้งสิ้น 13.11 จุด มาอยู่ที่ 1,492.88 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 49,724 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 624 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Idnex Futures เป็นวันที่ 4 อีก 2,984 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 อีก 4,378 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- สถานะต่างชาติกลับมาเป็น Long สุทธิ QTD เท่ากับ 725 สัญญา
- Window Dressing
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลงแรง จากความกังวลต่อการประชุมโอเปกสัปดาห์นี้อาจไม่ได้ข้อสรุป
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันแรกในรอบ 3)
เรากลับมาลดน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” อีกครั้ง พร้อมกับภาพผันผวนของ SET INDEX ที่มากขึ้น ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่บางขึ้นระหว่าง 4.5 หมื่นล้านบาท/วัน +/- เพียงแต่ Downside risk จำกัด เพราะมี Window Dressing ช่วยประคองภาพรวมในสัปดาห์นี้
แม้ว่าเงินทุนต่างชาติจะขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ แต่ก็เพียง 624 ล้านบาท แต่หากกลับไปดู SET50 Index Futures ยอด QTD เป็น Long สุทธิอีกครั้ง 725 สัญญา ทำให้ Downside risk ของ SET INDEX จำกัดในช่วงนี้ แต่แน่นอนว่าความผันผวนของตลาดโดยรวมยังอยู่ในระดับสูง เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุนในช่วงนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงนี้จะแกว่งกว้างมากขึ้น ตามความเห็นของการประชุมโอเปกในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้
ดังนั้นหากนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงต่อความผันผวนของ SET INDEX ช่วงนี้ อาจปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่หุ้นกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มปันผล / กองทุน Property Fund / REIT / IFF เพราะหาก SET INDEX เกิดการปรับฐานลง หุ้นกลุ่มเหล่านี้จะปรับฐานลงจำกัดเมื่อเทียบกับภาพรวม
กลยุทธ์การลงทุน “กลับมาเน้นแนวทาง ซื้อเมื่อปรับฐานลงแรง และขายเมื่อปรับตัวขึ้น หรือเป็นลักษณะ Contrarian กับภาพรวมของตลาด” พร้อมประเมินกรอบแกว่ง 1,480-1,500 จุด
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร BCP : ราคาปิด 32.00 บาท ราคาเหมาะสม 39.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวก เนื่องจากบริษัทลูกคือ BCPG จะ IPO และเข้าซื้อขายในตลท.วันที่ 28 ก.ย. โดย BCP ถือหุ้นใน BCPG หลัง IPO สัดส่วน 70%
b) อิงราคา IPO ที่ 10.00 บาท จะได้ Market Cap ของ BCPG ที่ 1.99 หมื่นล้านบาท และอิงราคาเป้าหมายที่ 11.60 บาท จะได้ Market Cap ของ BCPG ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท เทียบเท่าราว 50% เมื่อเทียบกับ Market Cap ของ BCP ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่หุ้น BCP จะ Re-Rating ได้ในแง่ Valuation
c) Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PBV2559 ที่ 1.1 เท่า และ PER2559 ที่ 9.2 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 5% ต่อปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก US$145 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$281 ล้าน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ถูกขายต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเป็น Long สุทธิ QTD อีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเพียง 624 ล้านบาท เทียบกับ3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,110 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 135,101 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 2,984 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 17,033 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมดและกลับมามีสถานะเป็น Long สุทธิอีกครั้ง แม้ว่า S50U16 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 อีก 0.57 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เล็กน้อย 0.07 จุด ทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 725 สัญญา
และนักลงทุนกลุ่มนี้ คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 อีก 4,378 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 25,789 ล้านบาท และราคาพันธบัตรไทยกลับมาทรงตัวดีขึ้นอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 2 เพียง 0.02bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 7.96bps ปิดที่ 2.158%
Short-Selling วานนี้
เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,685 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,130 ล้านบาท และ SBL กระจายตัว 73 ตัว จากวันก่อนหน้า 71 ตัว
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 โดยปรับไปสู่ Defensive มากขึ้น
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ลดลงเหลือ 111 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 3,088 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 4,262 ล้านบาท โดย NVDR กลับมาเน้นกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 354 ล้านบาท กลุ่มอาหารซื้อสุทธิ 269 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารสูงสุด 235 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 211 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น เดือนก.ย. เท่ากับ 51.4 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 52.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 52.1 จุด คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวต่ำสุดในรอบปี จากการส่งออกที่หดตัว
ยุโรป
การเติบโตทางธุรกิจของอียูทำระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน: ดัชนี PMI ภาคธุรกิจเดือนก.ย. เท่ากับ 52.6 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 52.9 จุด ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 ทั้งนี้ดัชนี PMI ที่อ่อนตัวลงเป็นตัวแปรกดดันดัชนี PMI โดยรวมในอียู
IMF ประเมินกรีซยังมีแนวโน้มเติบโตที่อ่อนแอ: IMF ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจกรีซยังคงอ่อนแอ ทำให้กรีซยังจำเป็นต้องปฎิรูปมากขึ้น พร้อมกับเจ้าหนี้อียูยังต้องให้เงินกู้ช่วยเหลือกรีซต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกรีซได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่สมดุลย์อย่างต่อเนื่อง แต่การเติบโตและความเสี่ยงยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้เศรษฐกิจกรีซจะเริ่มฟื้นตัวได้ในปีหน้า
ECB เห็นด้วยกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อ ECB: รองประธาน ECB นาย Constancio ให้ความเห็นว่า หากเฟดมีความเชื่อมั่น และพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ย มันเป็นการสะท้อนถึงผลนโยบายการเงิน นอกจากนี้ ECB จะพยายามพิจารณาผลของการเข้าซื้อพันธบัตรจะทำไปนานขนาดไหน เพื่อที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
จีน
Fitch ประเมินหนี้เสียในระบบมากกว่า 10 เท่าจากที่ทางการคาดการณ์: Fitch Rating ประเมินสัดส่วนหนี้เสีย (NPLs) อาจแตะระดับสูงถึง 15-21% ของยอดสินเชื่อรวม แต่เมื่อเทียบกับตัวเลขทางการอยู่ที่ 1.8% ของยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2559 และแนวโน้มหนี้เสียของธนาคารจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยกลาง ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อระบบสถาบันการเงิน
เอเชียแปซิฟิก
ซาอุฯ เสนอลดกำลังการผลิตให้โอเปกหากอิหร่านคงกำลังการผลิต: แหล่งข่าวให้ความเห็นต่อ Reuters ถึงข้อเสนอของซาอุดิอาระเบียที่จะลดกำลังการผลิตให้ หากอิหร่านคงกำลังการผลิตในปีนี้ ณ ปัจจุบันที่ 3.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยซาอุฯ จะกลับไปผลิตน้ำมันในระดับช่วงต้นปี ทั้งนี้ข้อเสนอจะไปหารือในการประชุมโอเปกวันที่ 26-28 ก.ย.
ซาอุฯ อัดฉีดเงินเข้าระบบสถาบันการเงิน US$5.3 พันล้าน: หรือ 2.0 หมื่นล้าน Riyals ในรูปของเงินฝากภายใต้บัญชีเงินฝากของรัฐบาล อายุ 7 วัน และ 28 วัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงทำให้รัฐบาลต้องถอนเงินฝากออกจากระบบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินในระบบลดลง อัตราดอกเบี้ย Saudi Interbank Offered rate 3 เดือนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
รัสเซียเตรียมกู้เงิน US$7.0 พันล้านในปีหน้า: รมว.คลัง รัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียอาจจะเพิ่มการกู้เงินในต่างประเทศในปีหน้าเป็น US$7.0 พันล้าน แต่การตัดสินใจจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเงินเฟ้อ หลังรัสเซียประสบความสำเร็จกับการออกขายพันธบัตรยูโร US$1.25 พันล้าน อัตราดอกเบี้ย 3.99% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 ก่อนรัสเซียถูกแซงชั่นกรณียูเครน
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 26 ก.ย. 2559
ข่าวเด่น