ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนสิงหาคมลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าทรงตัว SME ภาคการผลิตขยายตัวในอัตราต่ำ แต่ภาคการค้า บริการยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง มาตรการฟื้นฟูกิจการ SME ให้กู้ปลอดดอกเบี้ยเริ่มเดินเครื่องแล้ว
สสว. เผย ดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ส.ค. 59 ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 93.6 ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าทรงตัวที่ 101.8 เนื่องจากเป็นช่วง Low Season ท่องเที่ยว ขณะที่ภาคบริการอื่น ๆ เช่น โลจิสติกส์ ก่อสร้าง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมด้านการเติบโตของ SME ในครึ่งปีแรก SME ยังสามารถเติบโตได้ดี โดยมี GDP มูลค่า 1.45 ล้านล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวของ GDP SME ร้อยละ 5.0 นำโดยภาคการท่องเที่ยว ก่อสร้างและค้าส่ง ค้าปลีก อุตสาหกรรมประเภทสร้างสรรค์และอาหาร ยังเติบโตได้ดีกว่าการผลิตสินค้าประเภทอื่น ๆ ส่วนการช่วยเหลือ SMEs ที่ประสบปัญหาการเงิน โดยให้กู้ปลอดดอกเบี้ย 7 ปี เริ่มปล่อยสินเชื่อได้แล้ว คาดภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 สามารถช่วยปรับแผนธุรกิจ SMEs และให้กู้ได้ไม่ต่ำกว่า 500 ราย รวมทั้งเร่งช่วยผู้ประกอบการที่ขอความช่วยเหลือไปยัง SMEs Rescue Center ขณะนี้รับคำขอด้านการเงินไว้แล้ว 300 ราย
![](/userfiles/zzzz38(65).jpg)
เมื่อ 28 กันยายน 2559 สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดให้มีการแถลงข่าวเรื่องภาพรวมสถานการณ์ SME ปี 2559 ความคืบหน้าโครงการกองทุนพลิกฟื้น และความช่วยเหลือด้านการตลาดแก่ SMEs โดยนางสาลินี วังตาล ผอ.สสว. มีรายละเอียดดังนี้
ภาพรวมสถานการณ์ SME ปี 2559
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ ในเดือนสิงหาคม 2559 อยู่ที่ระดับ 93.6 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ระดับ 94.8 โดยที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้ายังทรงตัวเท่าเดิมคือที่ระดับ 101.8 เนื่องจากในเดือนสิงหาคมนั้น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวนำ มีรายได้ลดลงจากการเป็น Low Season ทำให้ดัชนีลดลงในกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่ง (มวลชน) ในขณะที่ภาคบริการอื่นๆ ยังคงมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้า การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ บริการสุขภาพและความงาม ส่วนภาคการค้าส่งและค้าปลีกนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงเล็กน้อย เนื่องจากการระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่ายของผู้บริโภค
2. ภาพรวมด้านการเติบโตของ SME
ตามที่ปรากฎในรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าสัดส่วนสินเชื่อค้างชำระเกิน 3 เดือน (NPL) ของ SME ณ เดือนกรกฎาคม 2559 อยู่ที่ 4% ของยอดสินเชื่อ เพิ่มขึ้นจาก 3.7% ในไตรมาสแรกของปีนี้ สสว. ได้ติดตามสถานการณ์ในภาพรวมของ SMEs แล้ว เห็นว่าในครึ่งปีแรก 2559 SMEs ยังสามารถเติบโตได้ในอัตราร้อยละ 5.0 สูงกว่าอัตราการเติบโตร้อยละ 3.5 ของประเทศโดยรวม GDP SME มีมูลค่า 1.45 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42 ต่อ GDP รวมของประเทศ แต่อัตราการเติบโตของ SME ในภาคธุรกิจต่าง ๆ มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก กล่าวคือ ภาคการค้า และภาคการบริการสามารถเติบโตได้ดี ทั้งภาคการท่องเที่ยว (14.3%) การก่อสร้าง (9.3%) ธุรกิจบริการส่วนบุคคล (9.7%) ส่วนในภาคอุตสาหกรรมนั้น แม้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อย แต่การขยายตัวก็ยังจัดว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำคือ 0.9% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกและความต้องการที่ลดลงในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านในบางอุตสาหกรรม แต่การผลิตในบางสาขาก็ยังเติบโตได้ดี ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้นั้น คือ กลุ่มที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีหรือสร้างสรรค์ ได้แก่ การผลิตเครื่องมือแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ไม้และของทำด้วยไม้ และอุตสาหกรรมอาหาร
![](/userfiles/zzzz37(69).jpg)
3. มูลค่าการส่งออกของ SME ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 (มกราคม – กรกฎาคม 2559) มีมูลค่า 1,302,707 ล้านบาท หรือ 36,822.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.2 เมื่อคิดเป็นเงินบาท และร้อยละ 8.2 เมื่อคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐ ดีกว่าภาวะการส่งออกโดยรวมของประเทศ เพราะสินค้าที่ SME เป็นผู้ส่งออกได้รับความนิยมจากตลาด ASEAN+6 เช่น ธัญพืช ผลไม้ สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ สมุนไพร และอาหารแปรรูป เป็นต้น
4. มาตรการภาครัฐในการช่วยเหลือ SME ที่ประสบปัญหาในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว สสว.ได้ดำเนินโครงการ Turnaround ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี (มทร.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ปัจจุบันมี SME เข้าร่วมโครงการ 11,300 ราย การวิเคราะห์ในเชิงลึกพบว่า SME ที่มีศักยภาพสามารถฟื้นฟูกิจการได้และมีสถานะเป็นนิติบุคคลมีประมาณ 4,000 ราย สสว.ได้ประสานงานเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารเจ้าหนี้เดิมไปแล้วจำนวน 3,000 ราย SMEs กลุ่มนี้สามารถยื่นขอกู้เงินโครงการเงินทุนพลิกฟื้นวิสาหกิจขนาดย่อมเพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนได้
โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 คณะทำงานกลั่นกรองพิจารณาการให้กู้ยืมเงิน โครงการเงินทุนพลิกฟื้นวิสาหกิจขนาดย่อม ซึ่งประกอบด้วยสสว. และผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ ผู้แทนจาก ธพว. ผู้แทนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ผู้แทนจาก มทร.ธัญบุรี ได้มีมติเห็นชอบให้อนุมัติเงินกู้แก่ SMEs จำนวน 4 รายแรก วงเงินกู้รวม 2.22 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยมีรายละเอียดดังนี้
เมื่อได้รับเงินกู้แล้ว ผู้ประกอบการจะต้องรายงานผลการประกอบกิจการที่สำคัญ เช่น ยอดขายต่อศูนย์ OSS ของ สสว. เป็นประจำทุกเดือน เพื่อติดตามดูแลให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือนั่นคือ SME สามารถฟื้นกิจการได้อย่างยั่งยืน
สสว. และภาคีจะพยายามเร่งการปล่อยกู้โดยกองทุนพลิกฟื้นให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2560 SME Rescue Center ได้ส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ขอรับการช่วยเหลือทางการเงินมาเข้าร่วมโครงการแล้ว 300 ราย SMEs ที่ยื่นขอรับการฟื้นฟูกิจการ ตามกฏหมายฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเมื่อศาลได้ให้ความเห็นชอบในแผนฟื้นฟูแล้ว ก็สามารถนำเสนอเข้าโครงการเงินทุนพลิกฟื้นวิสาหกิจขนาดย่อม ได้เช่นกัน
สำหรับ SMEs บางรายที่เข้าร่วมโครงการ Turnaround สามารถฟื้นฟูกิจการให้กลับเป็นปกติได้ หลังจากการเปลี่ยน Business Model การลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต หรือการดำเนินงาน สสว.ได้ประสานงานให้ยื่นขอกู้จากสถาบันการเงินตามช่องทางปกติ โดยไม่จำเป็นต้องขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนพลิกฟื้น
ควบคู่ไปกับมาตรการความช่วยเหลือด้านการเงิน สสว. ก็ยังมีกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ SMEs กลุ่มทั่วไป (Regular) และ Turn Around โดยประสานความร่วมมือธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ในการหาสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าให้กับ SMEs โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในลักษณะพี่ช่วยน้อง ตามนโยบายประชารัฐ ดังนี้ คือ
ข่าวเด่น