บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับบริษัท น้ำตาลกว้างสุ้นหลี จำกัด (บ.ย่อย) เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559
ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย คืนเงินที่เรียกเก็บไปโดยที่ไม่มีอำนาจนั้นแก่บริษัท น้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รวมเป็นเงิน 16.96 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีนับแต่วันฟ้องคดีในปี 49
KSL ระบุเมื่อวันที่ 23 ม.ค.49 บริษัท น้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี จำกัด ได้ฟ้องคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (คณะกรรมการฯ) และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กองทุนฯ) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอคืนเงินที่ถูกเรียกเก็บเป็นเงินรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ของฤดูการผลิตปี 2542/2543 ถึงปี 2545/2546 ที่คณะกรรมการฯเรียกเก็บจากบริษัทย่อย โดยการหักเงิน 0.5% ของรายได้สุทธิของบริษัทย่อยในแต่ละฤดูกาลผลิต และนำส่งให้แก่กองทุนฯรวมเป็นเงินจำนวน 16.96 ล้านบาท เนื่องจากการเรียกเก็บเงินดังกล่าวเป็นการเรียกเก็บโดยมิชอบ ตามพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527
ต่อมาวันที่ 30 พ.ย.53 ศาลปกครองกลางได้พิพากษายกฟ้อง บริษัทย่อยจึงอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 และในวันที่ 16 ก.ย.59 ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง โดยพิพากษาว่า เงินที่คณะกรรมการฯเรียกเก็บในวิธีอัตราคงที่นั้น ไม่ใช่วิธีการเรียกเก็บเงินที่คณะกรรมการฯมีอำนาจเรียกเก็บ และกองทุนฯไม่มีอำนาจรับไว้ได้ตามกฎหมาย การที่กองทุนฯไม่คืนเงินดังกล่าวจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อบริษัทย่อย และเงินดังกล่าวไม่ถือว่าบริษัทย่อยสมัครใจยินยอมนำส่งให้ผู้ถูกฟ้องคดี
ดังนั้น คณะกรรมการฯและกองทุนฯ จึงต้องคืนเงินให้แก่บริษัทย่อยรวมเป็นเงินจำนวน 16.96 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับแต่วันที่ฟ้องคดีในวันที่ 23 ม.ค.49 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระครบถ้วน โดยให้คืนเงินแล้วเสร็จภายใน 90 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุดคือในวันที่ 16 ก.ย.59 และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ เป็นเงินจำนวน 2 แสนบาทให้แก่บริษัทย่อยด้วย
ข่าวเด่น