นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออก เดือน ส.ค.59 มีมูลค่า 18,825 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ 654,174 ล้านบาท ขยายตัว 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ภาพรวมการส่งออก 8 เดือน ปีนี้( ม.ค.-ส.ค.2559) มีมูลค่า 141,007 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -1.2% แม้ว่ามูลค่าการส่งออกในกลุ่มสินค้าสำคัญและตลาดหลักของไทยในเดือนส.คจะกลับมาเติบโตได้ค่อนข้างดี แต่สภาผู้ส่งออก ยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 59 หดตัว -2%
หากยอดส่งออกในช่วง 4 เดือนที่เหลือ (ก.ย.-ธ.ค.59) มีมูลค่าเท่ากับปีก่อนจะทำให้การส่งออกทั้งปี 59 หดตัวราว -0.8% ถึง -1.6% แต่ สรท.ยังจะไม่มีการปรับเป้าส่งออกปีนี้ โดยจะขอดูสถานการณ์การส่งออกในเดือน ต.ค.59 ก่อน
นายนพพร กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบสำคัญและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลักโดยองค์กรระหว่างประเทศ, เมื่อวันที่ 27 ก.ย.59 ,องค์การการค้าโลกได้แถลงข่าวรายงาน TRADE STATISTICS AND OUTLOOK โดยปรับลดประมาณการเติบโตของการค้าโลกในปี 59 ลงจาก 2.8% ในเดือน เม.ย.เป็น 1.7% เหลือต่ำที่สุดนับแต่เกิดวิกฤติการณ์เงินล่าสุด และยังได้ปรับลดอัตราการเติบโตในปี 60 ลงจาก 3.6% เป็น 1.8%-3.1% โดยเชื่อว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อสถานการณ์ในภาพรวมยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ แม้จะมีปัจจัยบวกเกิดขึ้นบ้างก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเกิดจากนโยบายการควบคุมปริมาณการผลิตของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันขนาดใหญ่, แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดการเงินและนำไปสู่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลก ตลอดจนผลกระทบต่อค่าเงินบาทของไทย, สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศและภัยจากการก่อการร้าย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในหลายประเทศ และความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย ในการแข่งขันด้านนวัตกรรม มาตรฐานสินค้า และการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคแทนที่การแข่งขันด้านราคา
ข่าวเด่น