ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 



หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้สามารถไต่ระดับขึ้นทดสอบและยืนเหนือ 1,500 จุด ผลักดันด้วยหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร SCB / KBANK / BBL รวมถึง SCC อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปเป็นกลางถึงบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 18.84 จุด มาอยู่ที่ 1,509.78 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 53,457 ล้านบาท
ทั้งนี้เงินทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 488 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures 7,006 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 เพียง 1,714 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
 
          เม็ดเงินทุนต่างชาติกลับมาขายทำกำไร เมื่อ SET INDEX ทะลุ 1,500 จุด
          ตลาดหุ้นจีนปิดทำการทั้งสัปดาห์ เนื่องในเทศกาล Golden Week
          ติดตาม World Bank จะแถลงภาพรวมเศรษฐกิจโลกวันนี้
          ราคาทองคำล่วงหน้าหลุดแนว US$1280-1300 คืนวานนี้
          ติดตามการ Debate ตัวแทนจากทั้ง 2 พรรคการเมือง เพื่อชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช้าวันนี้ 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 8)
 
          SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1,500 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายกว่า 5.0 หมื่นล้านบาท ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมามีสีสรรอีกครั้ง แนวต้านถัดไปคือ 1,520 จุด และ 1,550 จุดตามลำดับ หากแนวโน้มผลการดำเนินงานของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารอย่าง BBL / KTB เติบโตแข็งแกร่งเช่นเดียว KBANK / SCB ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เชื่อว่า SET INDEX มีโอกาสทดสอบระดับจิตวิทยาที่สำคัญ 1,550 จุดในรอบนี้
          ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้ง Hard Commodity อย่างถ่านหินที่ขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงราคา Sofe Commodity อย่างน้ำตาล / ยาง เชื่อว่าการเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้องก็ดูมีสีสรรไม่แพ้หุ้นหลักเช่นกัน แม้ว่าผลบวกดังกล่าวจะส่งผลต่อผลการดำเนินงานในปีหน้า เพราะลักษณะธุรกิจเป็นการขายล่วงหน้าเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม 
          อย่างไรก็ตาม เงินทุนต่างชาติที่กลับมาชะลอตัวหรือสลับขายทำกำไร เมื่อ SET INDEX ยืนเหนือ 1,500 จุด อาจทำให้การไต่ระดับของ SET INDEX จะค่อยเป็นค่อยไปในช่วงนี้ 
          กลยุทธ์การลงทุน “ยังคงเป็นลักษณะ Swing Trade ขึ้นแรงขาย – ลงแรงซื้อ” เน้นขายทำกำไรเล่นรอบตามแนวต้านด่านสำคัญ โดยเลือกเก็งกำไรบนแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q59 เป็นสำคัญ

Strategy of the Day          
          1. เก็งกำไร PTT : ราคาปิด 346.00 บาท ราคาเหมาะสม 358.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะมีทิศทางไต่ระดับขึ้นได้ต่อ จากความกังวลต่อภาวะ Supply ส่วนเกินที่ลดลงหลัง OPEC มีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวขึ้นเช้านี้เป็น US$49.17/barrel 
          b) คาดกำไรจากการดำเนินงาน 3Q59 จะปรับตัวขึ้น qoq จากแรงหนุนของธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี และจะไม่มีปัจจัยลบจาก Stock Loss มากดดัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบสิ้นสุด 3Q59 อยู่ที่ US$46.85/barrel เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2Q59 ที่ US$46.31/barrel 
          c) ภาวะ Oversupply ตลาดน้ำมันในปี 2560 คาดว่าจะลดลง และเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลจะเป็นปัจจัยบวกต่อกำไรปี 2560 ให้เติบโต +23% yoy เป็น 9.14 หมื่นล้านบาท และการ Spin off ธุรกิจค้าสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกเข้า IPO ในปี 2560 เป็น Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ           
          2. สะสม BBL : ราคาปิด 167.00 บาท ราคาเหมาะสม 190.00 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่า Outperform ตลาดได้ในเดือน ต.ค. เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มแรกที่จะรายงานผลประกอบการ 3Q59 และเชื่อว่า NPL ที่กำลังจะผ่านจุด Peak ส่งผลให้การตั้งสำรองลดลงจะส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร  
          b) จุดเด่นของ BBL อยู่ที่ Coverage Ratio สูงถึง 164% เทียบกับกลุ่มที่ 131% และคาดว่าสินเชื่อใน 4Q59 จะกลับมาขยายตัว เนื่องจากเป็น High Season ของสินเชื่อ Corporate Loan ซึ่ง 
          c) Valuation ถูกซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 0.78 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 4.5% 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$359 ล้านจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$178 ล้าน  
โดยต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นในตลาดเอเชียเหนือ          

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มขายทำกำไรในตลาดหุ้น เมื่อ SET INDEX ดีดตัวขึ้นแรง
          นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 488 ล้านบาท เมื่อ SET INDEX ทะลุยืนเหนือ 1,500 จุดอีกครั้ง ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 133,695 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 7,006 สัญญา มากกว่าวันก่อนหน้าที่ Long สุทธิ เราคาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาเร่งปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ S50Z16 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 กว้างขึ้น 2.77 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เพียง 0.06 จุด ทำให้ยอด QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเท่ากับ 831 สัญญา
          แต่นักลงทุนกลุ่มนี้ คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 1,714 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 6,785 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก 1.02bps เร่งขึ้นจากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.64bps ปิดที่ 2.124%

Short-Selling วานนี้ 
เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,168 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 968 ล้านบาท และ SBL กระจายตัว 51 ตัว จากวันก่อนหน้า 58 ตัว           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เน้น 3 กลุ่มหลัก ธนาคาร พลังงาน อาหาร
          การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,095 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,145 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 4,477 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิใน 3 กลุ่มหลักคือ กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 1,201 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน 664 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 518 ล้านบาท ส่วนกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ถูกขายสุทธิสูงสุด เพียง 19 ล้านบาทเท่านั้น

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ประธานเฟดสาขา Richmond ยืนยันขึ้นดอกเบี้ย: นาย Lacker ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้นาย Lacker ประเมินจากตัวเลขการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อในอดีต อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบัน ควรแตะระดับ 1.5% สูงกว่าระดับปัจจุบัน อย่างไรก็ตามนาย Lacker ไม่มีสิทธิโหวตในการประชุมเฟด

ยุโรป
          นายกฯ อังกฤษ เชื่อว่ากรอบเวลา Brexit เป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจ: นายกฯ อังกฤษ ยืนยันว่า การกำหนดกรอบเวลาของ Brexit เป็นเรื่องสำคัญและเรียกความมั่นใจต่อภาคธุรกิจ หลังค่าเงิน GBP อ่อนค่าลงหลังจากที่ประกาศกรอบเวลาของการเริ่มขั้นตอน Brexit ทั้งนี้นายกฯ ยืนยันที่จะเห็นความชัดเจน และการทำงานที่ราบรื่นเพื่อนำไปสู่การเจรจาระหว่างอังกฤษ และสมาชิกในกลุ่มอียู 
          อังกฤษยืนยันจะไม่มีการเจรจารายประเทศกับกรณี Brexit: นาย David Davis รมว.ที่ดูแลด้าน Brexit ของอังกฤษ ออกมายืนยัน รัฐบาลอังกฤษจะเจรจาเพียงรูปแบบเดียวสำหรับการเดินหน้าสู่ Brexit จะไม่มีการเจรจาแยกรายประเทศ และการเจรจาจะได้ข้อสรุปเมื่อทุกส่วนได้รับการเห็นชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย
          รองรมว.คลัง เยอรมัน ยืนกรานไม่มีการเจรจาก่อนเริ่มขั้นตอน Brexit: พร้อมยืนยัน อังกฤษจะต้องเปิดพรมแดน หากต้องการเข้ามาทำธุรกิจ ธุรกรรมกับกลุ่มอียู โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายแรงงาน แต่อย่างน้อยถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่นายกฯ อังกฤษกำหนดกรอบเวลาขั้นตอนการ Brexit

จีน
          ยอดขายบ้านในฮ่องกงเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 15 เดือน: ยอดขายบ้านเดือนก.ย. เท่ากับ 7,826 หลัง มูลค่า HK$5.6 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ 5,821 หลัง มูลค่า HK$4.06 หมื่นล้าน ความต้องการซื้อบ้านค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า นับตั้งแต่ยอดขายทำระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเดือนก.ย. เติบโตขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเป็นอย่างน้อย

เอเชียแปซิฟิก
          ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี: ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย. และสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่สภาพแวดล้อมการจ้างงานก็มีทิศทางดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่มีสมาชิก 2 คนขึ้นไป อยู่ที่ 43.0 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2556 และเพิ่มขึ้น 1.0 จุดจากเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจนั้น มีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก
          ธนาคารกลางอินเดียตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: เป็น 6.25% จากเดิม 6.50% และถือเป็นการประชุมครั้งแรกของผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ Urjit Patel ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2554 อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลาง ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อถึงเดือนมี.ค. 2560 ขึ้นเป็น 5.3% จากเดิม 5.0% เนื่องจากการขึ้นค่าจ้างของราชการ 
          อิหร่านตกลงสัญญาการลงทุนน้ำมันฉบับใหม่: National Iranian Oil Co. ตกลงในกรอบการลงทุนกับ Persia Oil & Gas Industry Development มูลค่า US$2.2 พันล้าน เพื่อขยายกำลังการผลิตใน 3 แหล่งด้านตะวันตกของอิหร่าน ติดกับประเทศอิรัก ส่วนสัญญาที่ 2 จะเซ็นต์ในวันที่ 5 ต.ค. ซึ่งสัญญาใหม่เหล่านี้จะเป็นการเอื้อต่อการลงทุนในธุรกิจน้ำมันและก๊าซ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการส่งออกของอิหร่านในระยะยาว

ไทย
          ครม.ไฟเขียวกฎหมายรองรับระเบียงเศรษฐกิจตอ.: ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รองรับการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จะมีการตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยจะมีการจัดเก็บเงินจากคนที่เข้ามาลงทุน เพื่อกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ประเด็นสำคัญ นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศมายังพื้นที่ โดยตั้งคณะกรรมการนโยบายพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และตั้งสำนักงานคณะกรรมการฯ เป็นองค์กรของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ดูแลประสานงาน, การขับเคลื่อนโครงการ, การดึงดูดการลงทุน, การบริหารจัดการพื้นที่ 
 

 โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 5 ต.ค. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ต.ค. 2559 เวลา : 10:37:39

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:15 pm