บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบ้านปูฯ ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเชีย นำเสนอข้อมูลของบริษัทฯ ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งจาก Conventional Power Generation และพลังงานหมุนเวียน Renewable Power Generation ในภูมิภาคเอเชียอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งมาเกือบ 20 ปี พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 648,492,500 หุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก โดยประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายได้ ในระหว่างวันที่ 18 - 20 ตุลาคมนี้
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และฐานะทางการเงินที่มั่นคง ประกอบกับประสบการณ์ที่รอบด้านของทีมงานผู้บริหารระดับสูง นับตั้งแต่การจัดหาแหล่งเงินทุน การพัฒนาและการดำเนินโครงการ กลุ่มบริษัทบ้านปูฯ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ พร้อมแล้วสำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก โดยจะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนครั้งนี้มาชำระคืนเงินกู้ยืม ลงทุนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ทั้งนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ จะขับเคลื่อนแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุล ด้วยการผลิตไฟฟ้าจาก Conventional Power Generation และพลังงานหมุนเวียน Renewable Power Generation อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มถึง 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า ซึ่งแบ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2568”
ปัจจุบัน บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 1,913 เมกะวัตต์เทียบเท่า จากโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ได้แก่ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี 717 เมกะวัตต์เทียบเท่า โรงไฟฟ้าหงสา 751.2 เมกะวัตต์เทียบเท่า โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมหลวนหนาน 122.9 เมกะวัตต์เทียบเท่า โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมเจิ้งติ้ง 139.1 เมกะวัตต์เทียบเท่า โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมโจวผิง 126.3 เมกะวัตต์เทียบเท่า โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีน 50 เมกะวัตต์เทียบเท่า และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 6.6 เมกะวัตต์เทียบเท่า ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและมีแผนจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ต่อไป มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการลงทุนรวม 553.2 เมกะวัตต์เทียบเท่า ประกอบด้วย ส่วนขยายไฟฟ้าพลังงานร่วมหลวนหนานและโจวผิง โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการได้มาซึ่งหุ้นในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีนอีก 90 เมกะวัตต์เทียบเท่า
นายวรวุฒิ ลีนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนขยายกำลังการผลิตให้ได้ถึง 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า ภายในปี 2568 โดยบริษัทฯ มุ่งลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ด้านการผลิตไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงในประเทศที่มีการเติบโตของธุรกิจพลังงานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับผสมผสานระหว่างเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วหมดไปและพลังงานหมุนเวียนอย่างสมดุล อีกทั้งธุรกิจไฟฟ้ายังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งสัมพันธ์กับการเติบโตของดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศและความต้องการใช้ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศจีน นอกเหนือจากสี่ประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งได้แก่ ประเทศไทย สปป.ลาว จีน และญี่ปุ่น บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาแผนกระจายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียอีก เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ และเวียดนาม”
การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นจำนวนไม่เกิน 648,492,500 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนร้อยละ ไม่เกิน 21.29 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบ้านปู เพาเวอร์ฯ นั้น แบ่งเป็น (ก) จำนวนไม่เกิน 210,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบ้านปูฯ ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น ในอัตราส่วน 23.1725 หุ้นสามัญของบ้านปูฯ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ และสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เกินสิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร และ (ข) จำนวนไม่เกิน 438,492,500 หุ้น และจำนวนหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรตามข้อ (ก) (ถ้ามี) เพื่อเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้กำหนดระยะเวลาการจองซื้อและการชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของบ้านปูฯ ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 10 - 13 ตุลาคม 2559 รวม 4 วันทำการ ในระหว่างเวลา 9.00 น. - 16.00 น. ผ่านตัวแทนรับจองซื้อที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ระหว่าง 18 - 21 บาทต่อหุ้น โดยสามารถจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่ราคา 21 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาเสนอขายเบื้องต้นสูงสุด ทั้งนี้ราคาเสนอขายสุดท้ายจะเป็นราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ประชาชนทั่วไป
สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย ในระหว่างวันที่18 - 20 ตุลาคม 2559 รวม 3 วันทำการ ในระหว่างเวลา 9.00 น. - 16.00 น. ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์อื่นๆ ตามรายละเอียดในหนังสือชี้ชวน
บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2559 ผ่านการแจ้งข่าวบนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th) เว็บไซต์ของบ้านปูฯ (www.banpu.com) เว็บไซต์ของบ้านปู เพาเวอร์ฯ (www.banpupower.com) และเว็บไซต์ของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
“บ้านปู เพาเวอร์ฯ เชื่อมั่นว่า ประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคมาอย่างยาวนาน ประกอบกับสถานะทางการเงินที่มั่นคง รวมถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับบ้านปูฯ ตลอดจนการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผู้นำในอุตสาหกรรมและรัฐบาลท้องถิ่น จะช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ เดินหน้าเป็นผู้นำในธุรกิจไฟฟ้าชั้นแนวหน้าอย่างมั่นคง พร้อมกับสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไปในระยะยาว” นายวรวุฒิ กล่าวปิดท้าย
นักลงทุนและผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ http://www.banpupower.com/investor_news/ หรือติดต่อฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ โทร 02-007-6000
.jpg)
ข่าวเด่น