เมื่อวันที่ 8 ต.ค. เวลา 17.45 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือข้อราชการกับนายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 7-10 ตุลาคม 2559
สาระสำคัญของการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ดังนี้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับนายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกาอีกครั้ง พร้อมขอบคุณที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอด ACD ครั้งที่ 2 ด้วยตนเอง ซึ่งไทยมั่นใจว่าการประชุมฯครั้งนี้ จะสร้างพลวัตใหม่ในกรอบ ACD ทั้งความร่วมมือใน 6 เสาหลัก การกำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางร่วมกันของสมาชิกต่อการพัฒนาเอเชียในช่วงทศวรรษหน้า
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีศรีลังกาเคยเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการและพบหารือกับนายกรัฐมนตรี ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 60 ปี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ศรีลังกานั้นมีความพิเศษ เพราะเป็นการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดโดยศาสนาและวัฒนธรรม พร้อมกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีศรีลังกาสำหรับไมตรีจิตที่ตั้งใจจะนำหน่อโพธิ์ศักดิ์สิทธ์ฯ มามอบให้แก่ไทย โดยนายกรัฐมนตรีจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมและควรค่าสำหรับการปลูกหน่อโพธิ์ดังกล่าวต่อไป
ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีศรีลังกา กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-ศรีลังกามีความใกล้ชิดและแนบแน่นมากขึ้นทุกครั้งที่ได้มาเยือนประเทศไทย และเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศจะช่วยส่งเสริมให้ความร่วมมือในกรอบ ACD เข้มแข็งยิ่งขึ้น พร้อมขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยศรีลังกาในเหตุการณ์อุทกภัยและดินถล่ม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ในรูปแบบเงินให้เปล่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและหวังว่าสถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ทั้งนี้ ไทยยินดีช่วยเหลือศรีลังกาในการฟื้นฟูความเสียหายต่อไป
โดยทั้งสองฝ่ายยังได้ติดตามความคืบหน้าความร่วมมือด้านต่างๆที่เคยได้หารือกันไว้ ดังนี้
ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ไทยย้ำที่จะกระชับความสัมพันธ์กับศรีลังกาในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และยินดีที่ภาคเอกชนศรีลังกามีการลงทุนในไทยถึง 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไทยเองได้ให้การสนับสนุนการค้าการลงทุนของภาคเอกชนไทยในศรีลังกาเช่นเดียวกัน
ด้านความมั่นคง สองฝ่ายเห็นควรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับบุคลากรทางทหารระหว่างกัน โดยไทยได้ขอบคุณที่ล่าสุดศรีลังกาให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากไทย นอกจากนี้ ไทยได้พิจารณาให้กองทัพศรีลังกาสามารถส่งนายทหารเข้าเรียนในหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรตามความประสงค์ของศรีลังกาและยังพร้อมสนับสนุนให้ศรีลังกามีบทบาทมากขึ้นในการฝึก Cobra Gold ในไทย ซึ่งปัจจุบันศรีลังกาเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์
สำหรับความร่วมมือด้านศาสนาและวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ศรีลังกาได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานให้คนไทยได้เคยมีโอกาสสักการะในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งมีคนไทยมาสักการะกว่า 5 แสนคน ซึ่งเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนสองประเทศด้วยด้วย
ด้านการท่องเที่ยว ผู้นำทั้งสองเห็นว่า สองประเทศสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ซึ่งเป็นจุดแข็งของทั้งสองประเทศ และอาจพิจารณาเที่ยวบินตรงระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีเสนอศรีลังกาและไทยจัดการท่องเที่ยวในลักษณะ Package ไม่เพียงแต่ระหว่างสองประเทศ แต่อาจขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยและศรีลังกา เพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว รวมทั้ง ให้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยศรีลังกาประสงค์ที่จะเรียนรู้ประสบการณ์จากไทยในด้านนี้
ข่าวเด่น