เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณประเทศไทยตอนบนส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มสูงขึ้น โดยคาดหมายว่าในวันที่ 10 ตุลาคมจะมีน้ำเข้าเขื่อนเจ้าพระยา 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและรักษาสมดุลระหว่างน้ำเหนือเขื่อนและน้ำท้ายเขื่อน ซึ่งจะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 25 – 75 เซนติเมตร รัฐบาลจึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ จ.ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา เฝ้าระวังและเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำที่จะเพิ่มขึ้น โดยให้แต่ละจังหวัดประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ให้รีบดำเนินการโดยด่วน รวมทั้งบริษัท ห้างร้าน แพร้านอาหาร ที่ประกอบกิจการริมแม่น้ำเจ้าพระยา และประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ เตรียมนำทรัพย์สินมีค่าขึ้นที่สูง
“นายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีความห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์หากมีปริมาณน้ำมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน เพื่อให้เตรียมการรับมือ และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที และนายกฯ ยังได้ฝากแสดงความเห็นใจและขอบคุณเกษตรกรบางส่วน ที่ต้องเสียสละพื้นที่ของตัวเองเพื่อรองรับน้ำจากเขื่อนซึ่งถือเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวม โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกที่ยังเก็บเกี่ยวไม่แล้วเสร็จ โดยได้กำชับให้ผู้ว่าฯและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรว่าจะได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการอย่างทั่วถึง” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่วมกันลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอย่างละเอียด ทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน เพื่อพิจารณาจ่ายค่าชดเชยเยียวยาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยให้เหมาะสมกับสภาพความเสียหายที่แท้จริงอันเกิดจากการระบายน้ำของรัฐ ซึ่งอาจจะสูงกว่าค่าชดเชยความเสียหายจากภัยธรรมชาติปกติ เช่น น้ำท่วม ฝนทิ้งช่วง ภัยแล้ง ภัยหนาว พายุ เป็นต้น
ข่าวเด่น