วันนี้ (9 ตุลาคม 2559) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (2nd ACD Summit 2016) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม 2559 ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือด้วย ทั้งนี้ พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD Summit) ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญมีขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกของรัฐบาล พร้อมชื่นชม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ที่มีความก้าวหน้าอย่างรอบด้าน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้จัดการประชุมร่วมคณะกรรมาธิการชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา หลังจากที่มีการว่างเว้นมากว่า 2 ปี และจะได้มีกำหนดให้มีการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 3 ที่กัมพูชา ในช่วงต้นปี 2560 อีกด้วยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงยินดี ที่ทางรถไฟของไทยและกัมพูชาบริเวณสะพานรถไฟอรัญประเทศ – ปอยเปต ได้เชื่อมต่อกันแล้ว และกำชับให้หน่วยงานของทั้งสองฝ่ายเร่งจัดทำร่างความตกลงเดินรถไฟร่วมให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถเดินรถไฟระหว่างกันได้ ซึ่งไทยพร้อมที่จะสนับสนุนหัวรถจักรหรือตู้โดยสารที่ใช้การให้แก่ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ตอบรับคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยผู้นำทั้งสองประเทศที่จะโดยสารรถไฟสายประวัติศาสตร์นี้ร่วมกัน เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีระหว่างไทยและกัมพูชาอีกด้วย
การพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน (จังหวัดสระแก้ว) – สตึงบท (จังหวัดบันเตียเมียนเจย) นั้นนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะสามารถเปิดทำการได้ภายในปี 2561 เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรไปมาระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับการเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านคมนาคมทางอากาศ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเส้นทางบินไป-กลับภายในหนึ่งวัน ระหว่างกรุงเทพ-กรุงพนมเปญ รวมทั้งการเพิ่มปริมาณความจุและความถี่ของเที่ยวบิน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่ระหว่างกันของประชาชนด้วย
สำหรับโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำสตึงเมนัม – สตึงเมตึ๊ก นั้น ทั้งสองฝ่ายยินดีที่กระทรวงพลังงานของทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าในเร็ววัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งด้านพลังงานและชลประทานเพื่อการเกษตร สำหรับเกษตรกรไทยและกัมพูชา ร่วมกัน
การดูแลแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาตินั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมให้การสนับสนุนในการแจกหนังสือเดินทางให้กับแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยที่ผ่าน การพิสูจน์สัญชาติแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เพื่อให้กระบวนการพิสูจน์สัญชาติสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้แรงงานกัมพูชาที่พิสูจน์สัญชาติแล้วสามารถมีเอกสารแสดงตนหรือหนังสือเดินทางได้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา ยังเห็นพ้องที่จะผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชาในด้านอื่นๆ อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเห็นว่าความร่วมมือในการยกระดับเกษตรอุตสาหกรรมด้วยนวตกรรม ทั้งการจัดทำเกษตรโซนนิ่งและการพัฒนาการเกษตรผสมผสาน เพื่อให้สินค้าเกษตรของทั้งสองประเทศสามารถเข้าไปอยู่ในระบบห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมเกษตรโลกได้ ซึ่งจะช่วยผยุงราคาสินค้าเกษตรของทั้งสองประเทศในช่วงฤดูกาลที่ผลผลิตล้นตลาดโดยไม่ต้องแข่งขันกันเองด้วย และการแบ่งปันกระบวนการผลิตระหว่างกัน จะช่วยทำให้มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศสามารถเติบโตได้ในอนาคตอีกด้วย
ข่าวเด่น