บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) รุกขายสินทรัพย์เข้าตลาดปลายปีนี้ จำนวน 2 กอง กองทรัสต์ HREIT มูลค่ารวมไม่เกิน 8,690 ล้านบาท และกองทรัสต์ WHART (เพิ่มทุนครั้งที่ 2) มูลค่าไม่เกิน 4,190 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร “ จรีพร จารุกรสกุล ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลัง 59 สดใส จากธุรกิจหลักเติบโตโดดเด่น และบุ๊ครายได้การขายสินทรัพย์ ล่าสุดส่งบริษัทลูก WHA UP ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. คาดเข้าซื้อขายใน ตลท.ได้ต้นปีหน้า ส่วนแผนลงทุนนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนาม 10,000 ไร่ เดินหน้าให้บริการลูกค้าได้ปีหน้า
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ( Ms. Jareeporn Jarukornsakul) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ( Group Chief Executive Officer of WHA Corporation Pcl,) ผู้นำด้านโลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรมแบบครบวงจรในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2559 ว่า ดับบลิวเอชเอกรุ๊ปจะมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการรับรู้รายได้และกำไร จากการนำสินทรัพย์ข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย การเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (HREIT) มูลค่ารวมไม่เกิน 8,690 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะซื้อขายได้ภายในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ และบริษัทฯ ยังเตรียมขายทรัพย์สินเพิ่มเติมของ WHA เข้ากองทรัสต์ WHART ในมูลค่าประมาณ 4,190 ล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทฯ จะเสนอขายแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4 ปี 2559 รวมทั้งการนำบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เข้าตลาดหลักทรัพย์
โดยสินทรัพย์ที่กองทรัสต์ HREIT ที่ลงทุน จะเป็นทรัพย์สินประเภทโรงงานสำเร็จรูป และคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราช และโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค บริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด (จ. ชลบุรี และ จ.ระยอง) จำนวน 6 แห่ง รวมพื้นที่เช่า 261,314 ตารางเมตร แบ่งเป็นอาคารโรงงาน 167,372 ตารางเมตร และอาคารคลังสินค้า 93,942 ตารางเมตร
นอกจากนี้ดับบลิวเอชเอกรุ๊ปยังเตรียมนำสินทรัพย์ของบริษัทฯ ประกอบด้วย โครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม. 5 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และ โครงการ WHA Mega Logistics Center ลาดกระบัง แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร มูลค่าไม่เกิน 4,190 ล้านบาท เข้าเสนอขายทรัพย์สินเพิ่มทุน ครั้งที่ 2 ให้แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอพรีเมี่ยม โกรท (WHART) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเสนอขายได้ภายในไตรมาส4/2559 นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ WHART เพิ่มเป็น 13,000 กว่าล้านบาท จากปัจจุบัน 9,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากกองทรัสต์ ดังกล่าวในข้างต้นแล้ว บริษัทฯ มีแผนที่จะนำ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆของเหมราชฯ รวมทั้งดำเนินธุรกิจพลังงาน โดยลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยล่าสุดได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 229.50 ล้านหุ้น และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หลังจากได้รับอนุมัติจากทางกลต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“ หลังจากการเสนอขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ HREIT – WHART และการขายหุ้นไอพีโอ WHAUP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วเสร็จ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งไปชำระหนี้ และขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งคาดว่า อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ภายในสิ้นปีนี้ จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.89 เท่ากว่าๆ จากสิ้นปี 2558 มี D/E อยู่ที่ 2.2 เท่า และ มั่นใจว่าภายในไตรมาส 1/2560 บริษัทฯจะชำระหนี้เงินกู้จากการซื้อเหมราชหมดลงได้ ซึ่งจะทำให้ D/E ลดลงไปอยู่ที่ 1.3 เท่า ” นางสาวจรีพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากแผนขยายธุรกิจเชิงรุกในการพัฒนาด้านโลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ต้นปี2559 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯมั่นใจว่าดับบลิวเอชเอกรุ๊ปจะมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ ไว้ที่ระดับ 1.7 หมื่นล้านบาท
ด้าน นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และการลงทุนต่างประเทศ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับธุรกิจการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมนั้น บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขายที่ดินประมาณ 1,100 ไร่ ในปีนี้
ส่วนในต่างประเทศ บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม พื้นที่กว่า 10,000ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในการร่วมลงทุน โดยเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถเข้าพัฒนาที่ดิน เพื่อการรองรับในการให้บริการลูกค้า ได้ภายในช่วงปลายปีนี้ และเปิดขายหรือให้บริการลูกค้าได้ภายในปี 2560
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการวางแผนที่จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่ อีก 4 แห่ง ในอีสเทิร์นซีบอร์ดและจังหวัดสระบุรี และอีก 2 แห่งในต่างประเทศ เพื่อรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย และเริ่มการลงทุนพัฒนานิคมฯในประเทศเพื่อนบ้าน
“ นอกจากการไปลงทุนด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามแล้ว บริษัทฯยังมีการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภค เช่น การจัดหาน้ำดิบ และการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าควบคู่เพื่อบริการให้กับลูกค้าด้วย ” นายเดวิด กล่าว
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) กล่าวถึงโครงสร้างรายได้ของดับบลิวเอกรุ๊ป ในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าเมื่อการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผน 5 ปี บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมทุนราว 21,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ล่าสุดในปี 2558 อยู่ที่ 13,102 ล้านบาท โดยโครงสร้างรายได้ในปัจจุบันที่มาจากกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ 47% นิคมอุตสาหกรรม 31% สาธารณูปโภคและไฟฟ้า 18% และดิจิทัล 18%
“ยุทธศาสตร์ของดับบลิวเอชเอกรุ๊ปจากแผน 5 ปี เรามองว่าทุกสายงานที่ประกาศแผนออกไป นอกจากจะเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเราแล้ว ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของลูกค้าเช่นกัน” นางสาวจรีพร กล่าวสรุป
ข่าวเด่น