กรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนฉบับที่ 2 ระบุว่า ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีแนวโน้มทรงตัวและลดลงแล้ว หลังฝนตกทางตอนบนน้อยลง แต่ยังคงการระบายน้ำออกจากเขื่อน โดยไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน
นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ส่วนพายุไต้ฝุ่น “ซงด่า” ในมหาสมุทรแปซิฟิกมีทิศการเคลื่อนตัวไปทางเหนือ โดยไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย คาดว่า ในช่วงวันที่ 10–13 ต.ค. 59 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีฝนตกชุก กับมีฝนตกหนักบางแห่งได้ ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีปริมาณฝนลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 14–16 ต.ค. 59 บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น
สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันปริมาณน้ำในบริเวณอ.เมือง จ.นครสวรรค์ และแม่น้ำสะแกกรัง เริ่มลดลงเหลือ 2,232 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และ 161 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามลำดับ ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เริ่มลดลงจากระดับสูงสุด +16.70 เมตร(ระดับน้ำทะเลปานกลาง) เหลือ +16.60 เมตร(ระดับน้ำทะเลปานกลาง) และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร กรมชลประทาน จะลดระดับน้ำหน้าเขื่อนลงให้คงเหลือระดับ +15.50 เมตร(ระดับน้ำทะเลปานกลาง)เพื่อไว้รองรับสถานการณ์น้ำตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกเพิ่มอีกในช่วงวันที่ 14 - 15 ต.ค. 2559 นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาลงตามลำดับ หากมีฝนตกไม่มากนัก
สำหรับสภาพน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 902 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 94 ของความจุอ่างฯ(ความจุเก็บกัก 960 ล้านลูกบาศก์เมตร) มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน 57.53 ล้านลูกบาศก์เมตร(ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด 70 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 59) ระบายน้ำในอัตรา 60.54 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ กรมชลประทานจะคงการระบายน้ำอีกไว้ในเกณฑ์นี้อีกประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้มีพื้นที่ว่างพอที่จะเก็บกักน้ำจากปริมาณฝน ที่คาดว่าตกหนักลงมาอีกในช่วงวันที่ 14 - 15 ต.ค. 2559 โดยจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ประมาณ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กรมชลประทาน ได้วางแผนเก็บกักน้ำให้เต็มเขื่อนในช่วงสิ้นตุลาคมเดือนนี้
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสักจะไหลมารวมกันที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ในอัตรา 2,172 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไม่มีผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจ เนื่องจากความสามารถในการรับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณตอนล่างอยู่ที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ข่าวเด่น