วันนี้ (12 ต.ค. 59) เวลา 11.00 น. ณ ศาลาประชาคมอ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมพบปะประชาชนชาวจังหวัดชลบุรี โดยมี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชนให้การต้อนรับ
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวรายงานว่า จังหวัดชลบุรีมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 3,300,000 คน แบ่งเป็นประชากรตามทะเบียนราษฎร์ประมาณ 1,300,000 คน และประชากรแฝงอีกกว่า 2 ล้านคน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีฐานเศรษฐกิจสูง และเป็นประตูสู่เศรษฐกิจโลก จะเห็นได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ปี 2557 ของจังหวัดชลบุรีที่มีมูลค่า 430,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยใน ปี 2558 มีรายได้จากการท่องเที่ยว 130,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 ของรายได้ดังกล่าว ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับจังหวัดชลบุรีในการเป็นฐานพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก จึงกำหนดให้จังหวัดชลบุรี เป็น 1 ใน 3 จังหวัด ที่เป็นระเบียงพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor; EEC) ที่จะสร้างการเจริญเติบโตให้จังหวัดชลบุรีและภูมิภาคตะวันออกอย่างมหาศาลอีกด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศในปี 2557 ประเทศไทยมีปัญหาสะสมมานาน ทั้งในด้านการขาดแผนพัฒนาชาติในระยะยาวมาอย่างต่อเนื่องในกรอบของการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งประชาชนไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งนานาประเทศขาดความเข้าใจ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้เข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติมีเสถียรภาพ มีธรรมาภิบาล มีความสามัคคี ปรองดอง เศรษฐกิจเจริญเติบโต ความเจริญกระจายตัวทุกภูมิภาค ประชากรทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักดิ์ศรีและโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง มีจุดแข็งที่สามารถดึงการค้าการลงทุนสู่จังหวัดได้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญ การเป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ การเป็นศูนย์กลางทางค้า และมีท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางคมนาคม การนำเข้าและส่งออกทางทะเลที่สำคัญ รวมทั้งเส้นทางเชื่อมโยงการขนส่งไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับระบบ Logistics ซึ่งจะช่วยให้การบริการทันสมัย รวดเร็ว และประเทศไทยจะได้แสดงศักยภาพและความพร้อมในการเป็นประตูการค้าสู่ประชาคมอาเซียน พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) เพื่อทำให้ไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค เป็น Gateway ที่แท้จริงสู่ CLMVT โดยต่อยอด Eastern Seaboard เพื่อสร้างฐานด้านเศรษฐกิจต่อไปยังอนาคต ควบคู่ไปกับการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน โดยการเชื่อมกรุงเทพฯ แหลมฉบัง มาบตาพุด และระยอง ทั้งการคมนาคมทางถนน สนามบินและท่าเรือ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งเก่าและใหม่ในบริเวณดังกล่าวและเป็นจุดกระจายสินค้าไปสู่ประเทศอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมลพิษทางอากาศและทางน้ำ ตลอดจนการทิ้งขยะพิษในที่สาธารณะ เพราะมีการนำทรัพยากรไปใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม จนทำให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ดังนั้น ต้องขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และขอความร่วมมือในแนวทางประชารัฐ เพื่อดูแลชายฝั่งให้มีความสมดุลกับการดำเนินชีวิตของประชาชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพบปะประชาชน ที่ จ.ชลบุรี นายกรัฐมนตรี ได้ยกเลิกภารกิจช่วงบ่ายทั้งหมด และเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ กลับ ร.1 พัน 1 รอ. เป็นการด่วน โดยภารกิจในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติภารกิจแทน
ข่าวเด่น