ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วันศุกร์ เปิดในแดนบวก และปรับตัวขึ้น 64.79 จุด หรือ +4.5% ปิดที่ 1,477.61 จุด มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท 
          นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิหน้าแน่นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีก 13,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 9,716 ล้านบาท 
          อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 2,572 ล้านบาท, Short สุทธิ SET50 Index future จำนวน 24,390 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 ติดต่อ 1,695 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ความผันผวนของตลาด และมูลค่าการซื้อขายจะลดลงเข้าสู่ระดับปกติที่ 4.5 – 5.5 หมื่นล้านบาท 
          - ธนาคารขนาดใหญ่จะรายงานผลประกอบการ 3Q59 ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. เป็นต้นไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเพิ่มขึ้นของ NPL และทิศทางการตั้งสำรองในปี 2560 ว่าผู้บริหารของแต่ละธนาคารจะมีมุมมองเช่นใด
          - เหตุการณ์ตึงเครียดในซีเรีย

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ 
          - การโต้วาทีรอบสุดท้ายระหว่าง Trump และ Clinton ในเช้าวันที่ 20 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย
          - การประชุม ECB ในช่วงค่ำวันที่ 20 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย โดยตลาดคาดว่าจะไม่มีการปรับนโยบายการเงินในรอบนี้

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 16)
          MBKET คาดว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านความผันผวนระดับสูงไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนผ่านมูลค่าการซื้อขายที่สูงกว่าระดับ 1 แสนล้านบาทในวันพฤหัสและศุกร์ที่ผ่านมา และดัชนีมีการเหวี่ยงตัวในกรอบที่กว้างมาก
          คาดว่า SET INDEX ในสัปดาห์นี้จะมีมูลค่าการซื้อขายกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 4.5-5.5 หมื่นล้านบาท และเป็นการเก็งกำไรรายตัวในลักษณะ Earnings Play หุ้นที่งบ 3Q59 จะออกมาดีเป็นหลัก และคาดว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น หลังหุ้นขนาดใหญ่ฟื้นต้วแล้วในวันพฤหัสและศุกร์ที่ผ่านมา
          เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ที่ 1,470 – 1,490 จุด โดยคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะมีทิศทางชะลอตัวเพื่อรอดูผลประกอบการ 3Q59 ของกลุ่มธนาคารที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การปรับตัวขึ้นของยอด NPL และทิศทางการตั้งสำรองในปี 2560 ว่าจะเป็น Upside หรือ Downside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2560 ของ Consensus 
          SET INDEX ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2560 ระดับ 13.8 เท่า เทียบกับ ประเทศในกลุ่ม TIPs ได้แก่ อินโดนีเซีย 15.1 เท่า และฟิลิปินส์ที่ 17.1 เท่า และด้วยภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2560 เราคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการลงทุนระยะกลาง-ยาว 

Strategy of the Day          
          1. เก็งกำไร SCB : ราคาปิด 149.00 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
          a) MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q59 ที่ 1.29 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง +43% yoy และทรงตัว qoq  จากการตั้งสำรองที่ลดลงถึง         -64.9% yoy และ -34.1% qoq เหลือ 5.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ 3Q58 ที่มีการตั้งสำรองสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท จากกรณี SSI 
          b) คาดสินเชื่อจะมีทิศทางขยายตัวใน 4Q59 ทั้งจากสินเชื่อภาคธุรกิจที่เข้าสู่ High Season ของความต้องการเงินทุนหมุนเวียน และสินเชื่อ Consumer ที่เริ่มกลับมาขยายตัวในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การปล่อยกู้เพื่อทำ Tender Offer หุ้น JAS เป็น Upside Risk ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการสินเชื่อปี 2559ของเรา 
          c) คงประมาณการกำไรปี 2559 เติบโต +5.9% yoy เป็น 4.9 หมื่นล้านบาท และ +14.5% yoy เป็น 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2560 ขณะที่ Valuation น่าสนใจ ซื้อขาย PBV2560 ที่ 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตที่ 1.8-2.0 เท่า          
          2. เก็งกำไร PTTGC : ราคาปิด 59.50 บาท ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
          a) MBKET คาดกำไรจากการดำเนินงาน 3Q59 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงกลับมาเดินเครื่องการผลิตเต็มที่ และโรงงานโอเลฟินส์ที่หยุดนอกแผนใน 2Q59 ก็จะกลับมาเดินเครื่องเต็มที่เช่นกันใน 3Q59
          b) คาดผลประกอบการ 2H59 จะเด่นกว่า 1H59 เนื่องจากโรงกลั่นและปิโตรเคมีกลับมาเดินเครื่องปกติเต็มที่ และการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะเป็นอีกปัจจัยหนุนให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีขยายตัวใน 2H59
          c) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท +15.6% yoy และเติบโต +10.5% yoy เป็น 2.61 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูกซื้อขาย PBV2560 เพียง 1.0 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี  

Fund Flow Analysis
          Fund Flow in Emerging Markets
          ขายสุทธิเป็นต่อเนื่องอีก US$186.6 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$192 ล้าน  

          Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน 
          นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 2,572 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 574 ล้านบาท  ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเหลือ 110,742 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิในรอบ 3 วันทำการถึง 24,390 สัญญา เชื่อว่าเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิ 2 วันก่อนหน้าที่มีการ Long สุทธิรวมกัน 20,167 สัญญา ทำให้ยอด QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเท่ากับ 37,377 สัญญา 
          และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีก 1,695 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 10,002 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ขายสุทธิรวม 35,487ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีลดลงวันที่ 2 ติดต่อกันเหลือ 2.225% จากวันก่อนหน้าที่ 2.288%  

Short-Selling วานนี้ 
          มูลค่า SBL ลดลงเหลือ 1,567 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 5,373 ล้านบาท 

NVDR Movement
          NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 ยังคงเน้นลดน้ำหนักกลุ่มขนส่งและพลังงาน
          การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 476 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2,573 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 8,152 ล้านบาท โดยขายสุทธิสูงสุดกลุ่มธนาคาร 1,047 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มค้าปลีก 412 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี 290 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิสูงสุดกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 312 ล้านบาท กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 307 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร 227 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
          - ยอดค้าปลีก เดือน ก.ย. ปรับตัวสูงขึ้น 0.6% mom เท่ากับ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้  และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ -0.3% mom
          - ดัชนีราคาผู้ผลิตสินค้าขั้นสุดท้าย เดือนก.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% mom สูงกว่า Bloomberg consensus คาดการณ์ไว้ที่ 0.2% mom และดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 0% mom
          - สต๊อกสินค้าธุรกิจเดือนก.ย. ปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับ 0.2% mom สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 0.1% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0% mom
          - ดัชนี U of Mich. Sentiment เดือนต.ค.  เท่ากับ  87.9 ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 91.9 และเดือนก่อนหน้าที่ 91.2

ยุโรป
          ดุลการค้าของอียูปรับตัวสูงขึ้น : ดุลการค้าเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 23.2 ล้านยูโร สูงกว่า Bloomberg consensus คาดการณ์ไว้ที่ 20.4 ล้านยูโร และเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 20.0 ล้านยูโร
          ยอดการก่อสร้างของอังกฤษลดลง: ยอดการก่อสร้างของอังกฤษปรับตัวลดลง -1.5%mom ต่ำกว่า Bloomberg consensusคาดการณ์ไว้ที่ 0.0% mom และต่ำกว่าเดือนก่อนที่ 0.0% mom

จีน
          ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี: เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.1% yoy เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2555 จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะหดตัว 0.3% yoy 
          ทางการจีนเตรียมเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้: หน่วยงานด้านการวางแผนของรัฐ ให้ความเห็นว่า ทางการจีน เตรียมเปิดทางให้บริษัทด้านการลงทุน และกองทุนจากต่างประเทศ เข้ามาร่วมในขั้นตอนการปรับลดระดับหนี้ 

เอเชียแปซิฟิก
          ดุลการค้าของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง : ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย. ปรับตัวลดลง -3.2% yoy เท่ากับ Bloomberg consensus คาดการณ์ไว้ แต่สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ -3.6% yoy

ไทย
          ไม่มี
 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 17 ต.ค. 2559


 

บันทึกโดย : วันที่ : 17 ต.ค. 2559 เวลา : 10:26:35

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 4:02 am