สรุปผลการประชุม ศตส. รมต.นร.สุวพันธุ์ฯ ชี้แจงการบริหารจัดการที่จอดรถยนต์ส่วนบุคคลแก่ประชาชนที่มาร่วมงานถวายความอาลัยฯ
วันนี้ (17 ตุลาคม 2559) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อรายงานสถานการณ์และติดตามความคืบหน้าในการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเดินทางมาถวายความอาลัยพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตลอดการดูแลด้านความมั่นคง เพื่อความสงบเรียบรอยของบ้านเมือง ทั้งนี้โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวผลการประชุม ศตส. สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ประเด็นของ คตส. ของการประชุมในเช้าวันนี้คือ การติดตามอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเรื่องแรกที่กำลังมีปัญหาคือเรื่องปัญหาการจราจร วันนี้ก็ได้ทำความชัดเจนกับกระทรวงคมนาคม ขสมก. และก็ทางตำรวจ หลักคือทำให้พี่น้องประชาชนสามารถที่จะเดินทางเข้าสู่พื้นที่ชั้นในบริเวณพระบรมมหาราชวังได้สะดวกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เนื่องจากปริมาณของรถยนต์ก็ดี และปริมาณของพี่น้องประชาชนมีจำนวนมากและซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้การบริหารจัดการค่อนข้างยากหน่อยแต่อย่างไรก็แล้วแต่จะดำเนินการโดย
1. ขสมก. จะมีรถอำนวยความสะดวก ซึ่งรายละเอียดตามที่แนบพร้อมข่าวฯ แต่จะมีรถบริการฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกให้เข้ามาถึงในส่วนบริเวณพื้นที่ชั้นใน อย่างน้อยที่สุดก็ในส่วนของบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ หรือ สำนักงานสลากกินแบ่งเดิม
2. จะจัดที่จอดรถให้กับรถยนต์ส่วนบุคคลในพื้นที่ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น บริเวณลานจอดรถใต้สะพานพระราม 8 และลาดจอดรถบริเวณถนนกำแพงเพชร 5 และ 6 สนามม้านางเลิ้ง โดยจะมีที่จอดรถให้กับรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งมีบริการรถสาธารณะให้บริการเพื่อนำพี่น้องประชาชนเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน
3. สำหรับพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด ซึ่งได้หารือกันแล้วกับผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย จะมีการจัดงานพิธีต่าง ๆ ในพื้นที่ซึ่งจะมีพื้นที่ให้มีการแสดงความอาลัยและพื้นที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางศาสนาให้ แต่ในกรณีที่พี่น้องประสงค์จะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร จะจัดที่จอดรถให้ในลักษณะของพื้นที่ 4 มุมเมือง ถ้ามาจากภาคใต้ก็บริเวณพุทธมณฑลสาย 4 ส่วนฝั่งตะวันตกก็คือเซ็นทรัลเวสเกตตรงบางใหญ่ ทางภาคเหนือก็เมืองทอง ทางตะวันออกบริเวณแยกบางนาคือที่กำลังก่อสร้างบางกอกมอลล์อยู่ตอนนี้ ซึ่งทั้ง 4 มุมเมืองนี้จะเป็นที่จอดรถสำหรับคนที่มาจากต่างจังหวัดและ ขสมก. จะจัดรถบริการให้ประชาชนมาถึงบริเวณงานฯ ต่อไป
สถานที่จอดรถยนต์ รถตู้ ของผู้มาร่วมพระราชพิธี
1. ถนนดินสอ (จากสตรีวิทยา – แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ จอดได้ 30 คัน)
2. ถนนพระสุเมรุ (จากแยกมหากาฬ -แยกวันชาติ จอดได้ 20 คัน)
3. ถนนกรุงเกษม (จากแยกประชาเกษม – แยกมัฆวาน จอดได้ 50 คัน)
4. ถนนพิษณุโลก (จากแยกมิสักวัน – แยกวังแดง จอดได้ 80 คัน)
5. สนามม้านางเลิ้ง (สนามม้านางเลิ้ง จอดได้ 150 คัน)
6. ถนนกำแพงเพชร 2 (ถนนกำแพงเพชร 2 จอดได้ 100 คัน)
7. ถนนกำแพงเพชร 5 (ถนนกำแพงเพชร 5 จอดได้ 100 คัน)
8. ถนนกำแพงเพชร 6 (ถนนกำแพงเพชร 6 จอดได้ 200 คัน)
9. ลานจอดรถโรงปูน (ลานจอดรถโรงปูน จอดได้ 80 คัน)
10. ถนนอรุณอัมรินทร์ (ลานจอดรถใต้สะพานพระราม จอดได้ 100 คัน)
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มีจิตอาสานำอาหารนำเครื่องดื่มใส่รถมาแล้วมาแจกจ่ายฟรีให้พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน ทั้งนี้จะประสานงานให้มีจุดรับที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้รถที่เข้ามาแต่ละคันซึ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ก็ดีมาจอดและแจกจะทำให้การจราจรติดขัด ซึ่งมีคำแนะนำสำหรับพี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์ในเรื่องการนำอาหารมาแจกจ่ายได้ 3 แนวทางได้แก่
1. คือให้ติดต่อมายังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือโทรศัพท์ 1111 สามารถนำมาบริจาคได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือต้องการคำแนะนำใดเกี่ยวกับเรื่องการบริจาคหรืออย่างอื่นก็สามารถสอบถามได้ 1111 เช่นกัน
2. พี่น้องประชาชนที่ประสงค์จะนำอาหารและน้ำดื่มไปมอบเพื่อบริการประชาชนทั่วไปฟรีสามารถนำไปยังกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้บ้านหรือสถานที่ทำงานได้ ซึ่งได้ประสานกับกระทรวง ทบวง กรม ให้รับไว้แล้วในชั้นต้นและมีภาคเอกชนมีการติดต่อทำงานร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวก
3. สามารถนำอาหารและน้ำดื่มมาให้บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีศูนย์อำนวยการใหญ่ 2 ศูนย์อำนวยการ ได้แก่
- ศูนย์อำนวยการร่วมของ คสช. ซึ่งจะดูในเรื่องของความเรียบร้อย และก็จะดูแลเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน
- ศูนย์อำนวยการร่วมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะให้การดูแลในเรื่องที่เกี่ยวกับพี่น้องประชาชนที่เดินทางเข้ามา ซึ่งทั้ง 2 ศูนย์ประสานการติดต่อกับพี่น้องประชาชนที่ต้องการนำอาหารและเครื่องดื่มมาบริจาค ซึ่งมีทั้งหมด 3 ช่องทางดังกล่าวที่สามารถดำเนินการได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า ในเรื่องของดินฟ้าอากาศซึ่งลงเว็บไซต์ต่าง ๆ และลงแผนที่ประกอบด้วยว่าจะมีพายุมา 2 ลูก ซึ่งทางผู้แทนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ชี้แจงแล้วว่า การพยากรณ์อากาศของพายุทั้ง 2 ลูกตามข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยแต่อย่างใด เว้นเสียแต่จะมีฝนตกทั่วไปในช่วงวันที่ 19 – 22 ตุลาคม 2559 ในเวลาบ่ายและค่ำของช่วงดังกล่าวเท่านั้นซึ่งเป็นไปตามปกติ
ข่าวเด่น