แม้ขณะนี้บรรยากาศในประเทศจะเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แต่ในด้านเศรษฐกิจก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานเปิดงาน CREATIAE THAILAND และงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน เดือนตุลาคม 2559 หรือ BIG + BIH October 2016 ว่า แม้เวลานี้ชาวไทยทุกคนต่างอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจ ไม่มีกำลังใจจะทำกิจกรรมใดๆ แต่อยากให้คนไทยได้ใช้เวลานี้ แสดงให้โลกเห็นว่า คนไทยมีพลังสามัคคีร่วมที่ยิ่งใหญ่ โดยเอาพลังที่เกิดขึ้นมาเป็นพลังในการสร้างสรรค์ เดินหน้าเศรษฐกิจตามแนวพระราชดำรัส โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างมูลค่าให้สินค้าและบริการ
เนื่องจากในอนาคตประเทศไทย จำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยครีเอทีฟอีโคโนมี ดังนั้นต้องเน้นการนำความคิดสร้างสรรค์ ไปต่อยอดในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้า บริการ และวัฒนธรรม โดยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้การที่จะทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนด้วยครีเอทีฟอีโคโนมีได้ เงื่อนไขสำคัญ ประการแรกต้องสร้าง ผู้นำทางความคิด ที่ขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รัฐบาลเท่านั้น แต่ต้องร่วมมือกันทุกวงการ ทั้งภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา รวมทั้งต้องวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อผลักดันและเอื้อให้เกิดการพัฒนาด้านครีเอทีฟ โดยโครงการดังกล่าว
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีมาตรการที่เตรียมจะทยอยประกาศออกมาในช่วงไตรมาส 4/59 จนถึงต้นปี 60 อีก 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ มาตรการประชารัฐภาคสังคม และมาตรการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว โดยเฉพาะในขณะนี้ที่เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวจากปัจจัยภายในประเทศ
ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามแผนงานนั้น ขณะนี้รัฐบาลก็พยายามเร่งรัดและผลักดันให้ออกมาเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง และโครงการขยายท่าอาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 เป็นต้น เพื่อทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนกลับมาฟื้นตัว และส่งผลเร่งการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังคงประเมินตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ ที่ 3.0-3.5% แม้ในช่วงนี้เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงบ้าง ตามแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยที่อาจชะลอออกไปในระยะสั้น เพราะประชาชนยังไม่อยู่ในอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยท่ามกลางบรรยากาศของการไว้อาลัยในช่วงนี้ และขณะนี้เร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะหดตัวลงจากไตรมาส 3/59 หรือไม่ เพราะยังต้องติดตามสถานการณ์ของภาคการส่งออกไทยว่าจะมีโอกาสดีขึ้นมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ หลังการส่งออกในเดือน ส.ค.59 ขยายตัวสูงถึง 6.5% ซึ่งหากช่วงปลายปีการส่งออกสามารถพลิกฟื้นได้อย่างต่อเนื่องก็จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายมีโอกาสเติบโตได้ดีขึ้น
ข่าวเด่น