พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรองหัวหน้า ศตส. เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนกองอำนวยการรักษารักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอ.รส.) โดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ศตส. และพลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ศตส ได้เปิดเผยว่า จากที่ ศตส. ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ และฝ่ายอำนวยการทำงานมาระยะหนึ่ง นั้น วันนี้ที่ประชุมได้มีการติดตามการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ทั้งงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งสถานการณ์โดยรวมปัจจุบันทุกอย่างยังดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตามหน่วยงานด้านความมั่นคงและด้านการข่าวยังปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังและป้องกันอย่างเต็มที่ต่อไป
ส่วนการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาเข้าถวายสักการะและลงนามแสดความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาสหทัยสมาคม นั้น ศตส. ได้ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่ โดยได้จัดจุดรับรองประชาชนบริเวณรอบนอกพระบรมมหาราชวัง 16 จุด ( 1.บริเวณสนามหลวง 2.มหาวิทยาลัยศิลปากร 3.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) 4.ท่าราชวรดิษฐ์ 5.กรมการรักษาดินแดน (รด.) 6.โรงละครแห่งชาติ,กรมศิลปากร,พิพิธพัณฑ์ฯ 7. วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) 8.วัดมหาธาตุวรวิหาร 9. กระทรวงกลาโหม (บริเวณด้านนอก) 10.สำนักงานสลากินแบ่งรัฐบาล (เดิม) 11. โรงเรียนสตรีวิทยา 12.โลหะปราสาท/วัดราชนัดดาฯ 13. สวนสราญรมย์ (ด้านหน้าทำเนียบองคมนตรี+ด้านหน้า กต.เดิม) 14. สนามม้านางเลิ้ง 15. บริเวณสถานที่ตั้งศาลฎีกา (เดิม) และ16.ด้านหน้าโรงแรมรอยัลรัตนโกสินทร์) พร้อมจัดบริการอาหารและน้ำดื่มฟรี การดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนการติดตั้งจอ LCD รอบบริเวณสนามหลวง จำนวน 9 จอ เพื่อถ่ายทอดงานพระราชพิธีฯ ให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาลงนามแสดความอาลัยได้รับชม เป็นต้น
ขณะเดียวกัน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรองหัวหน้า ศตส. ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการให้บริการด้านคมนาคมขนส่งทั้งทางบก เรือ และอากาศ ให้ประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับจุดบริการทางด้านขนส่งต่าง ๆ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนที่มาถวายสักการะและลงนามแสดความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นด้วยความสะดวกเรียบร้อย
รวมทั้งขณะนี้ได้มีการอำนวยความสะดวกในกรณีที่ประชาชนเดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือรถยนต์ส่วนบุคคล โดยได้จัดพื้นที่จอดรถ 4 มุมเมือง ประกอบด้วย 1) ภาคใต้จอดรถที่พุทธมณฑลสาย 4 วัดดอนหวาย วัดไร่ขิง วัดท่าพูด วัดหทัยนเรศวร์ วัดโกมุทพทธรังสี วัดศรีสำญราษฎร์บำรุง วัดนครชื่นชุ่ม วัดปากน้ำภาษีเจริญ 2) ภาคตะวันตกจอดรถที่ เช็นทรัลเวสต์เกต (บางใหญ่) 3) ภาคเหนือจอดรถที่เมืองทองธานี วัดพระศรีมหาธาตุ วัดดอนเมือง วัดเทวสุนทร วัดพุทธสยาม (วัดสีกัน) วัดเสมียนนารี 4) ภาคตะวันออก บริเวณแยกบางนาจอดรถที่สถานที่ก่อสร้างบางกอกมอลล์ วัดลาดพร้าว วัดศรีเอี่ยม วัดวชิรธรรมสาธิต วัดธาตุทอง พร้อมทั้งจะมีการเพิ่มการบริการขนส่งทั้งทางบกและเรือ และเน้นย้ำให้ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนด้วย อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กทม. และกรมการแพทย์ทหารบก ได้จัดตั้งหน่วยแพทย์ จำนวน 11 จุด และโรงพยาบาลสนาม 2 จุด ไว้สำหรับให้บริการประชาชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ มีบุคคลสำคัญจากต่างประเทศได้แจงกำหนดการเข้าถวายสักการพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อาทิ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ (เข้าถวายสักการะ 21 ตุลาคม 2559) ประเทศมาเลเซีย กัมพูชา สปป. ลาว ฯลฯ ซึ่งรองนายกัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติดูแลบุคคลสำคัญจากต่างประเทศต่าง ๆ เป็นไปอย่างสมเกียรติยศด้วย
พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ทั้งเรื่องการติดตามสถานการณ์ การดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนว่า ศตส.จะเป็นหน่วยในการประสานงานกับกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยของ คสช. และกองอำนวยการร่วมฯ ของ กทม. ซึ่งเป็นหน่วยในการประสานการปฏิบัติในพื้นที่ ขณะเดียวกันขณะนี้ทุกกระทรวงได้มีการจัดจุดบริการและรับรองประชาชนบริเวณรอบนอกพระบรมหาราชวัง 16 จุด ซึ่งประชาชนสามารถรับบริการต่างๆ จากหน่วยดังกล่าวได้ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ศตส. พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการหาแนวทางแก้ไขโดยเร็วต่อไป
ข่าวเด่น