กรมชลประทานเผยนำน้ำเข้าทุ่งแก้มลิงป่าโมกแล้ว ทุ่งที่เหลืออยู่ระหว่างรอการทำประชาคม ส่วนบึงสีไฟที่จังหวัดพิจิตร น้ำเกือบเต็มบึงแล้ว หลังกรมชลประทานสูบน้ำไปเติม เพื่อเก็บกักไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง และรักษาระบบนิเวศ
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบนใกล้สิ้นสุดฤดูฝนแล้ว กรมชลประทาน ได้ดำเนินการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำต่างๆ รวมไปถึงระบบชลประทานและทุ่งหรือแก้มลิง เพื่อเก็บกักน้ำ ไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง ปัจจุบันทุ่งทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ทุ่งบางบาล ทุ่งผักไห่ ทุ่งป่าโมก และทุ่งเจ้าเจ็ด มีเพียงทุ่งป่าโมกที่ผ่านการทำประชาคม เนื่องจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว และสามารถนำน้ำเข้าในทุ่งได้แล้วประมาณ 48 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนทุ่งบางบาล และทุ่งผักไห่ แม้จะเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการการทำประชาคม สำหรับทุ่งเจ้าเจ็ด ยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวประมาณ 42,000 ไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกทั้งสิ้น 239,602 ไร่ คาดว่าประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้ จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด เมื่อรวมทั้ง 4 ทุ่ง จะมีพื้นที่ประมาณ 627,450 ไร่ มีการเพาะปลูก 261,316 ไร่ หากเอาน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งได้ตามเป้า จะมีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ1,150 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้าในบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่แก้มลิงขนาด 5,390 ไร่ ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศนั้น แม้ว่าจะอยู่ห่างจากแม่น้ำน่านไม่มาก เดิมจะรับน้ำหลากจากพื้นที่ไปเก็บไว้ในบึง แต่เนื่องจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมเมืองและความเจริญที่เกิดขึ้น ทำให้มีการก่อสร้างบ้านเรือน ถนน โดยรอบบึง ปิดกั้นทางน้ำเข้า ทำให้ไม่มีน้ำเข้าบึงสีไฟติดต่อกันหลายปี บึงสีไฟจึงอยู่ในสภาพที่ห้งแล้ง จนบางปี ไม่สามารถลงไปลอยกระทงได้
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาแก้ไขปัญหา โดยมอบหมายให้กรมชลประทานบูรณาการทางานร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการผันน้ำจากระบบชลประทานไปเติมให้กับบึงสีไฟ พร้อมกับจัดทำระบบสูบน้ำจากแม่น้ำน่านไปเติมน้ำให้บึงสีไฟในช่วงฤดูแล้งอีกทางหนึ่งด้วย ปัจจุบันปริมาณน้ำที่ส่งผ่านระบบชลประทานรวมกับปริมาณน้ำที่สูบน้ำไปเติมให้กับบึงสีไฟ ทำให้บึงสีไฟมีปริมาณน้ำเกือบเต็มบึงแล้ว คิดเป็นปริมาณน้ำประมาณ 8.50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 96 ของความจุบึงทั้งหมด
.jpg)
ข่าวเด่น