วันนี้(27 ต.ค. 2559) เวลา 10.30 น. นายเซนอน คุคชัค (H.E. Mr. Zenon Kuchciak) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคาราวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสอำลาตำแหน่ง ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนามรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่เอกอัครราชทูตฯได้มาพบปะเพื่ออำลาการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย พร้อมกล่าวขอบคุณที่โปแลนด์ที่มีความเข้าใจอันดีต่อสถานการณ์การเมืองไทยมาโดยตลอดและหวังว่า เอกอัครราชทูตฯคนใหม่ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่จะยังคงเป็นมิตรที่ดีของประเทศไทยและช่วยสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่าง ๆของทั้งสองประเทศต่อไป
เรื่องสถานการณ์ในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินตาม Roadmap ของรัฐบาลในการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและรัฐบาลบริหารประเทศด้วยความโปร่งใสปราศจากการทุจริต จึงขอให้โปแลนด์และสหภาพยุโรปมั่นใจในการบริหารประเทศของรัฐบาล ทางด้านเอกอัครราชทูตฯกล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในไทยและยืนยันว่า รัฐบาลโปแลนด์ทราบดีว่าประเทศไทยมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและแม้จะอยู่ในช่วงไว้อาลัยต่อการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประเทศไทยก็ยังคงมีความสงบสุขและเดินหน้าต่อไป เอกอัครราชทูตฯยังยินดีผลักดันความร่วมมือระหว่างไทย-โปแลนด์ให้เดินหน้าต่อไป รวมถึงยินดีผลักดันให้ไทยและสหภาพยุโรปกลับมาดำเนินความร่วมมือระหว่างกันอีกครั้ง
ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการค้า นายกรัฐมนตรียินดีที่ภาพรวมการค้าระหว่างไทยและโปแลนด์เป็นไปด้วยดี โดยมูลค่าทางการค้าได้ขยับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 14 ในครึ่งแรกของปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพอีกมากในการขยายความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยที่ผ่านมา มีการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีแก่นักลงทุนต่างชาติกว่า 40 บริษัท ที่ได้มาขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center)และสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค (Regional Headquarters) ในไทย นายกรัฐมนตรีหวังว่า เอกอัครราชทูตฯจะกลับไปชี้แจงให้รัฐบาลและภาคเอกชนของโปแลนด์ได้รับทราบเพื่อพิจารณามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น
ความร่วมมือวิชาการ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีต่อพัฒนาการในด้านความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับโปแลนด์ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความประสงค์ที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับโปแลนด์ในสาขาการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแพทย์ การทหารและการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โปแลนด์มีศักยภาพอย่างมากทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงประสงค์จะขยายความร่วมมือกับโปแลนด์ในด้านดังกล่าว เพื่อต่อยอดตามนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจไทย 4.0 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่ในปัจจุบัน นักศึกษาไทยมุ่งให้ความสนใจไปเรียนแพทย์ที่โปแลนด์มากขึ้น นายกรัฐมนตรีหวังว่าจะทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนนักศึกษาแพทย์ระหว่างทั้งสองประเทศในอนาคต
ความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ทราบว่าทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องในส่วนของถ้อยคำในความตกลงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวไทย-โปแลนด์ รวมถึงประชาชนของทั้งสองประเทศมีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น นอกจากนี้ ไทยยังมีนโยบายขยายการท่องเที่ยวไทยเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนตามแนวคิด "ไทยบวกหนึ่ง” (Thailand Plus One) ในลักษณะแพคเกจทัวร์ เพื่อทำให้การท่องเที่ยวของทุกประเทศในประชาคมอาเซียนเติบโตไปพร้อมกัน นายกรัฐมนตรีหวังว่า ไทยและโปแลนด์จะร่วมมือกันส่งเสริมนโยบายดังกล่าวเพื่อผลประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศในอนาคต
เรื่องความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันพันธกรณีที่ไทยมีกับโปแลนด์ในการสนับสนุนการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงและสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. 2018-2019 และหวังว่าโปแลนด์จะสนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศเช่นกัน
ข่าวเด่น