บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ลงทุนในบริษัทผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 28 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 63,959 ล้านบาท
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ในวันที่ 28 ตุลาคม 2559 โดยกลุ่ม BPP ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในหลายประเทศ โดยมีการลงทุนทั้งในโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ BPP เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. บ้านปู (BANPU) ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างโดยแยกกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าออกมา เพื่อรองรับการขยายธุรกิจไฟฟ้าในอนาคตของกลุ่ม BANPU โดย BANPU เห็นถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจ จึงนำ BPP เข้าจดทะเบียน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจในระยะยาวของ BPP และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่กลุ่ม BANPU
ปัจจุบัน BPP มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการลงทุนที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,913 เมกะวัตต์เทียบเท่า แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า จำนวน 1,711.2 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตไอน้ำจำนวน 813 ตันต่อชั่วโมง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจำนวน 56.6 เมกะวัตต์
BPP มีทุนชำระแล้ว 30,456.92 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 2,397.19 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 648.49 ล้านหุ้น โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นของ BANPU เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น 210 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 10-13 ตุลาคม 2559 และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนต่อบุคคลทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน 438.49 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 21 บาท เมื่อวันที่ 18-20 ตุลาคม 2559 มีมูลค่าการระดมทุนรวม 13,618.34 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 63,959 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงจำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวรวุฒิ ลีนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับกลุ่มบริษัท โดยมีแผนนำเงินที่ระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ไปชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้ขยายธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับพันธกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งขยายการผลิตไฟฟ้าจากทั้ง Conventional Energy และ Renewable Energy ที่กระจายครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียอย่างสมดุล ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อขยายกำลังการผลิตให้ได้ถึง 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า ภายในปี 2568 และพร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไปอย่างยั่งยืน
หลังจาก IPO BPP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. บ้านปู ถือหุ้น 78.71% Credit Suisse (Singapore) Limited ถือหุ้น 5.35% และกลุ่มครอบครัวว่องกุศลกิจ ถือหุ้น 0.91% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book building) ของนักลงทุนสถาบัน โดยช่วงราคาที่นำมาใช้นี้อยู่ที่ระหว่างราคา 18- 21 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ระหว่าง 13.72-16.01 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2558-30 มิถุนายน 2559) ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,996 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) ทั้งนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.banpupower.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
ข่าวเด่น