ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้แกว่งระหว่าง 1,490-1,500 จุด ทั้งนี้เกิดแรงเก็งกำไรหนาแน่นในกลุ่มพลังงานช่วงบ่าย นำโดย BANPU หลังราคาถ่านหิน BJI ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี รวมถึง BJC คาดได้เข้าคำนวณ MSCI Thailand รอบนี้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 6.24 จุด มาอยู่ที่ 1,498.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,399 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,383 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 6,356 สัญญา แต่กลับขายสุทธิในตาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,878 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ราคาถ่านหิน BJI อินโดนีเซียปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 9 เท่ากับ US$102.69/ตัน สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2555
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ
ค่าการกลั่นที่สิงคโปร์บวกเป็นวันที่ 2 อีก 2.5% dod
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
การประชุมธนาคารกลาง BoJ วันที่ 1 พ.ย. / BoE วันที่ 3 พ.ย. และ เฟด วันที่ 2 พ.ย.
ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. วันที่ 31 ต.ค.
การประกาศงบการเงิน 3Q59 เช่น LPN / GPSC
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 24)
ตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของสัปดาห์ เรายังคงประเมินแกว่งในกรอบแคบเช่นเดียวกับ 3 วันทำการก่อนหน้า ระหว่าง 1,490-1,510 จุด พร้อมลุ้มปิดยืนเหนือ 1,500 จุดอีกครั้ง ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน ทั้งจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ แม้ว่าจะยังไม่กลับไปยืนเหนือ US$50/barrel ก็ตาม
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า นักลงทุนอาจให้น้ำหนักกับการประชุมธนาคารกลางหลักทั้ง 3 แห่ง แต่มุมมองของเรากลับประเมินว่าธนาคารกลางทั้ง 3 จะยังไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วงนี้ เพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. เพื่อประเมินทิศทางนโยบายด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และการคลังของว่าที่ประธานาธิบดีท่านใหม่
เราจึงให้น้ำหนักกับรายงานเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของไทย เราเชื่อว่ากำลังซื้อภายในประเทศฟื้นตัวเด่นในช่วงครึ่งหลังของเดือน รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่จะมากขึ้นเป็นลำดับ พร้อมประเมินโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นมีมากน้อยเพียงใด
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุน “เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก” ที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว หรือเก็งกำไรหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ตามทิศทางราคาสินค้าอ้างอิง
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร BJC : ราคาปิด 52.75 บาท เป้าหมายทางเทคนิค 55.00 บาท
a) รายงานกำไรสุทธิ 3Q59 ที่ 1,800 ล้านบาท เติบโต +118% yoy และ +302% qoq จากแรงหนุนของอัตราแลกเปลี่ยน 1,354 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติเติบโต +85% yoy เป็น 717 ล้านบาท เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่รวมธุรกิจของ BIGC เต็มไตรมาส และดอกเบี้ยจ่ายลดลง 13% qoq จากอานิสงค์ของการ Refinance
b) คาดกำไรปกติ 4Q59 จะเติบโตต่อทั้ง yoy & qoq และเป็นระดับสูงสุดของปี เนื่องจากเป็น High Season ของทั้ง BJC และ BIGC และเป็นไตรมาสแรกที่จะได้ประโยชน์เต็มที่จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงแบบเต็มไตรมาส
c) มี Catalyst รออยู่ คือการประกาศดัชนี MSCI ในวันที่ 15 พ.ย. โดยคาดว่า BJC มีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนีในรอบนี้ ขณะที่กำไรสุทธิปี 2560 คาดเติบโตสูงถึง 85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มค้าปลีก
2. สะสม PTTGC : ราคาปิด 60.50 บาท ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
a) MBKET คาดว่า PTTGC จะเป็นหุ้นตัวเดียวในกลุ่มโรงกลั่นที่กำไรสุทธิจะเติบโตทั้ง yoy และ qoq เป็น 6,266 ล้านบาท +419% yoy และ +27.3% qoq จากการกลับมาเดินเครื่องตามปกติของโรงกลั่น และโรงงานปิโตรเคมี เทียบกับ 2Q59 ที่มีการปิดซ่อมบำรุง
b) PTTGC ได้ประโยชน์สูงสุดเนื่องจากสายการผลิตปิโตรเคมีเป็น Gas Base จะส่งผลให้ Margin เร่งตัวได้ดีกว่าคู่แข่งขันที่เป็น Naphtha Base ในช่วงที่น้ำมันปรับตัวขึ้น ขณะที่ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น +14.5% qoq ใน 4Q59 เป็น US$5.85 จะเป็นอีกปัจจัยช่วยหนุนหุ้นโรงกลั่น
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +15.6% yoy เป็น 2.37 หมื่นล้านบาท และต่อเนื่อง +10.5% yoy เป็น 2.61 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูกซื้อขาย PBV2560 เพียง 1.07 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$295 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$273 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,383 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 3,571 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 117,837 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นั้นนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้งมากถึง 6,356 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาปิดสถานะ Short อีกครั้ง กดดันให้ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 กว้างขึ้นเป็น 3.07 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 1.62 จุด ส่งผลให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิลดลงเหลือ 7,775 สัญญา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มขายตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,878 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 24,906 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 4 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นอีก 0.44bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.06bps ปิดที่ 2.119%
Short-Selling วานนี้
เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 945 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 809 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้นเท่าเดิมที่ 58 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 ยังเป็นลักษณะปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 294 ล้านบาท เร่งขึ้นจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 77 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 4,566 ล้านบาท โดยยังคงเน้นสะสมกลุ่มอาหาร 220 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน 187 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร 176 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่ม ICT สูงสุด 354 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 131 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวดีกว่าคาด: GDP ใน 3Q59 ขยายตัว 0.5% qoq แม้ว่าจะชะลอจากไตรมาสก่อนหน้า +0.7% qoq แต่ก็ดีกว่าที่ตลาดคาด +0.3% qoq เท่านั้น หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตมากถึง 2.3% yoy เป็นระดับที่ดีที่สุดในรอบกว่า 1 ปี ผลักดันโดยธุรกิจบริการที่เติบโตเด่นในไตรมาสนี้
ยอดสินเชื่อในอียูขยายตัวในระดับต่ำ: เดือนก.ย. ยอดสินเชื่อที่ปล่อยให้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% yoy ส่วนสินเชื่อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.8% yoy เป็นการเติบโตที่ทรงตัว แต่ชะลอตัวหากเทียบกับช่วงต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา แม้ว่า ECB จะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
รัฐบาลอังกฤษ ลดสัดส่วนการลงทุนในธนาคาร Lloyds ต่ำกว่า 9%: เป็นการขายหุ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปีของรัฐบาลอังกฤษ โดยรัฐบาลขายออกราว 1% หากพิจารณาเงินที่ได้จากการขายหุ้น Lloyds ของรัฐบาลจนถึงปัจจุบันเท่ากับ 1.7 หมื่นล้านปอนด์ เทียบกับเงินที่ให้การช่วยเหลือธนาคารไปในช่วงวิกฤติ 2.05 หมื่นล้านปอนด์ และรัฐบาลถือหุ้นสูงถึง 43% ณ เวลานั้น
แหล่งข่าวคาด ECB จะขายกรอบเวลา QE ออกไปจากสิ้นเดือนมี.ค. 2560: และคาดว่าจะมีการผ่อนคลายเงื่อนไขในการเข้าซื้อสินทรัพย์ เพื่อให้แน่ใจว่าตราสารหนี้ให้ ECB ได้ซื้อ
Deutsche Bank คาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับค่าปรับของสหรัฐฯ ภายในกลางเดือนมี.ค.ปีหน้า: CEO ของธนาคารให้ความเห็นว่า ธนาคารจะสามารถเจรจาและตกลงถึงค่าปรับและความไม่แน่นอนอื่นๆ กับ U.S. Department of Justice ได้ภายในกลางเดืองมี.ค.2560 ซึ่งการเจรจาเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ของธนาคาร เพื่อลดความไม่แน่นอน
การหารือเขตการค้าเสรีระหว่างอียู – แคนาดา ออกมาเชิงเป็นบวก: การหารือมีขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. มีพัฒนาการในเชิงบวก แต่ยังคงมีหลายประเด็นที่ต้องทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อให้ได้ข้อสรุปและลงนามในสัญญาเขตการค้าเสรีร่วมกัน โดยเบื้องต้นแผนการสร้างงาน และการเติบโตในชนชั้นกลาง ทั้งนี้แคนาดาพร้อมที่จะลงนามในสัญญาทันทีที่อียูพร้อม
อัตราการว่างงานสเปนทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี: อัตราการว่างงาน 3Q59 เท่ากับ 18.9% ลดลงจาก 20.0% ใน 2Q59 และดีกว่า Bloomberg consensus คาด 19.3% จำนวนผู้ว่างงานลดลงเป็น 4.3 ล้านราย เทียบกับช่วงที่เกิดวิกฤติที่แตะระดับ 6.0 ล้านคนในปี 2556
จีน
กำไรจากภาคอุตฯ เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว: เดือนก.ย. กำไรของภาคอุตฯ เพิ่มขึ้น 7.7% yoy เป็น 5.771 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +19.5% yoy ทั้งนี้เป็นผลจากหนี้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นของเอกชน โดยเฉพาะในอุตฯ ถ่านหินและเหล็ก
เอเชียแปซิฟิก
ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาเป็นกลางถึงลบ
- อัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงเดือนก.ย. หดตัว 0.5% yoy เท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ และเดือนก่อนหน้า
- การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.ย. ลดลง 2.1% yoy ลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด -2.7% yoy
- อัตราการว่างงานเดือนก.ย. เท่ากับ 3.0% ดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ 3.1%
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 28 ต.ค. 2559
ข่าวเด่น