เมื่อ 28 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการจัดระเบียบประชาชนที่มาเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15วัน ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.ว่า แผนยังยึดหลักการเดิม แต่จะยืดหยุ่นในส่วนของผู้ที่เดินทางเข้ากราบบังคมพระบรมศพ ซึ่งจะมีการปรับในหน้างานอีกครั้ง โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งการเดินทางคมนาคมจะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักโดยเฉพาะการนำเรือขนาดใหญ่ที่บรรจุได้400คนมาให้บริการจากท่าเรือสาธรมายังท่าช้าง ก็ต้องเน้นความปลอดภัยในส่วนนี้เป็นพิเศษ
นอกจากนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)จะเพิ่มจำนวนเที่ยวรถให้อีก 10เปอร์เซ็นต์ รวมถึงที่จอดรถเพิ่มเติม และปรับ 8 จุดจอดรถเดิมให้เกิดความเหมาะสม ขณะที่วันเดียวกันนี้เมื่อเวลา 13.30น.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีการหารือร่วมกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่บริษัททัวร์ มัคคุเทศก์ ผู้บริหารโรงแรม ผู้ประกอบการด้านการขนส่ง เพื่อรับเอาข้อห่วงกังวลทั้งในของศตส.และกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง (กอ.รส.) ที่จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวังได้ในวันที่ 1 พ.ย.ทั้งในเรื่องจุดจอดรถและเส้นทางการเดินเข้า-ออกจะไม่ทับซ้อนกันอย่างแน่นอน แม้จะมีบางจุดที่เหลื่อมกันบ้างก็ตาม
สำหรับจำนวนประชาชนที่จะเปิดให้เข้าถวายสักการะพระบรมศพยังอยู่ที่จำนวน 10,000 คนต่อวัน โดยให้เข้าเที่ยวละ 70 คน และจะดูว่าเข้าได้ตามจำนวนและตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ถ้ายังมีตกค้างอยู่ก็จะใช้หลักในการยืดหยุ่น หากถือบัตรอยู่ที่ 10,000 คน ก็จะพยายามให้เข้าตามกำหนด แม้เวลาอาจจะเลยไปบ้าง และถ้าเลย 10,000 คนไปแล้ว แต่ยังมีเวลาเหลือก็จะเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเพิ่มเติม ซึ่งเราจะยึดหลักให้ประชาชนเข้าไปได้มากที่สุด ดังนั้น ขอให้ประชาชนทยอยเดินทางมาเพราะยังมีเวลาอีกมาก ทั้งนี้เรื่องของบัตรคิว กอร.รส.จะเป็นผู้กำหนดซึ่งมีระบบอยู่แล้ว โดยศตส.จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 30 ต.ค.นี้
ส่วนการปิดถนนโดยรอบสนามหลวงยังไม่กำหนดเวลาแน่นอน แต่จะคำนึงถึงความสะดวกในการเข้า-ออกของรถของ ขสมก.โดยทั้งหมดจะดูที่หน้างานเป็นหลัก ส่วนกรณีผู้สูงอายุที่ไม่สามารถใส่รองเท้าหุ้มส้นได้ตรงนี้จะมีการอะลุ้มอล่วยและดูที่เจตนาเป็นหลัก รวมถึงการแต่งกาย ซึ่งรัฐบาลและสำนักพระราชวังยึดหลักเดียวกัน
นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการลักลอบนำพระบรมฉายาลักษณ์ และนำของแจกมาจำหน่ายที่ท้องสนามหลวงในช่วงกลางดึกของวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางกอ.รส.ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กทม. เข้าไปจัดระเบียบพวกหาบเร่ แผงลอย พร้อมกับจัดสายตรวจ เข้าไปดูแลเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการเข้ามาร่วมงานของประชาชน อะไรที่ไม่เหมาะสมก็ต้องเตือนกัน ต้องสร้างวินัยให้กับคนในชาติให้เกิดแนวคิดปฏิบัติที่ถูกต้องและมีความเหมาะ และเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ข่าวเด่น