นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ในรอบ 9 เดือนของปี 2559 ว่า EXIM BANK มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ มีกำไรสุทธิ 931ล้านบาท บรรลุเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้แข่งขันได้มากขึ้น ทั้งด้านการค้าและการลงทุน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 มีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 74,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2558 จำนวน 928 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระหว่างปีจำนวน 16,020 ล้านบาท และมีการชำระคืนของสินเชื่อเดิมบางส่วน ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 90,717 ล้านบาท โดยเป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 59,707 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้างแก่ SMEs จำนวน 30,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,604 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อผู้ส่งออก SMEs โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ โดยล่าสุด EXIM BANK ได้ออกบริการใหม่ “สินเชื่อส่งออกทันใจ” เป็นสินเชื่อหมุนเวียนในช่วงก่อนและหลังการส่งออก อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.5 ต่อปี เพียงใช้บุคคลค้ำประกัน อนุมัติเร็วภายใน 7 วันทำการ ให้วงเงินสูงสุด 500,000 บาท เพี่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ส่งออก SMEs และขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPLs Ratio) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 อยู่ที่ร้อยละ 5.07 โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 3,774 ล้านบาท และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 6,424 ล้านบาท เป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3,111 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกันร้อยละ 206.52 ทำให้ธนาคารยังคงดำรงฐานะการเงินที่มั่นคง
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังใช้จุดแข็งในการทำหน้าที่องค์กรรับประกัน ช่วยให้ผู้ส่งออกไทยแข่งขันได้มากขึ้น เสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรนและขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยออกบริการ “ประกันส่งออกทันใจ SMEs (Instant SMEs Export Insurance)” เมื่อกลางปี 2559 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ด้านการรับประกันในช่วง 9 เดือนของปี 2559 มีจำนวนรายลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เกิดปริมาณธุรกิจส่งออกและลงทุนรวม 41,671 ล้านบาท โดย 8,135 ล้านบาทเป็นธุรกิจส่งออกของ SMEs หรือร้อยละ 19.52 ของธุรกิจรับประกันรวม ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณธุรกิจสะสมของบริการประกันการส่งออกจะค่อยๆ ทยอยเพิ่มขึ้นและสามารถเป็นไปตามเป้าหมายได้ในสิ้นปี 2559
ในไตรมาส 4 ปี 2559 และปี 2560 EXIM BANK จะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อช่วยขยายการค้าการลงทุนของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในตลาดใหม่ที่ศักยภาพที่เรียกว่า New Frontiers และ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยปัจจุบัน EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสะสมของสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ รวม 52,328 ล้านบาท มีเงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 เท่ากับ 31,641 ล้านบาท และมีแผนจะเปิดสำนักงานตัวแทนในเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนามภายใน 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการค้าการลงทุนของไทยใน CLMV
ขณะเดียวกัน EXIM BANK จะเร่งดำเนินการสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีภารกิจสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs อาทิ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรขยายบริการทางการเงิน โดยเฉพาะประกันการส่งออกของ EXIM BANK และทำงานเป็นทีมประเทศไทย (Thailand Team) ซึ่ง EXIM BANK พร้อมทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยให้ปริมาณการค้าระหว่างประเทศของไทยเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การเติบโตของภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทย
“EXIM BANK กำลังพัฒนาองค์กรและผลิตภัณฑ์เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการให้บริการทางการเงินและคุ้มครองความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยสอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายของรัฐบาล ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญของเราในการบริหารความเสี่ยงทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศและช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการเงินในระบบ เพื่อให้ธุรกิจไทยขยายข้ามพรมแดนได้อย่างประสบความสำเร็จ” นายพิศิษฐ์กล่าว
ข่าวเด่น