ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,495-1,500 จุด โดยกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นเด่น เช่น BDMS / BH รวมถึงกลุ่ม ICT หลังพักฐานมาระยะหนึ่ง ภายใต้บรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรป เป็นกลาง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,494.44 จุด ลบ 3.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,926 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 978 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,221 สัญญา และขายสุทธิในตาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 2,662 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- FBI สหรัฐฯ กลับมารื้อคดีอีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton
- สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลง จากความกังวลต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
- ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของไทยวันนี้
- ติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังมีความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 25)
สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดูจะมีความอ่อนไหวกับกรณีการเมืองในสหรัฐฯ ไม่มากก็น้อย หลัง FBI สหรัฐฯ กลับมารื้อกรณีอีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton ก่อนการเลือกตั้งเพียง 11 วันเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้ว่านาง Clinton จะมีคะแนนตามโพลล์ต่างๆ นำนาย Trump อยู่หลายช่วงตัวก็ตาม แต่ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มนโยบายการค้า – การเมือง ระหว่างประเทศ / นโยบายการคลัง หรือแม้แต่ความเป็นอิสระของธนาคารกลางเฟด เราประเมินว่าเงินทุนจะถูกกลับไปถือเป็นเงินสดมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้นไปอีกในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ไป เพียงแต่แรงขายของต่างชาติต่อตลาดเงิน – ตลาดทุนไทยยังคงเป็นไปอย่างจำกัดในความเห็นของเรา เพราะอย่างน้อยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้กองทุนต่างชาติมองตลาดไทยเป็นทางเลือกของการพักเงินได้เช่นกัน
กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างพลังงาน / ปิโตรเคมี จะชะลอตัว เพราะราคาสินค้าถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลุ่มธนาคาร / Domestic จะกลับมาเด่นช่วยประคองตลาดรวม
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุน “เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก” ที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว หรือเก็งกำไรหุ้นหลักในกลุ่ม Domestic Play แทนกลุ่ม Commodity
Strategy of the Day
1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.04 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TMB และคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะปรับตัวขึ้น qoq จาก Credit Cost ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของ NPL ใหม่เริ่มชะลอตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
b) ผู้บริหารตั้งเป้า Credit Cost ปี 2560 จะไม่สูงกว่าปี 2559 ที่ระดับ 1.5% เป็นสัญญาณบวกว่า NPL กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในปี 2559 และมีทิศทางลดลงในปี 2560
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +23.9% yoy เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท และมี Downside Risk จำกัดที่บริเวณ 2.00 บาท เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.0 เท่า เป็นระดับ -2SD รวมทั้งราคาหุ้น Underperform กลุ่มธนาคารมากในปี 2559 โดย YTD ราคาหุ้น TMB -15.7% สวนทางกลุ่มธนาคารที่ +12.7%
2. เก็งกำไร BCH : ราคาปิด 12.90 บาท ราคาเหมาะสม 13.00 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq ในช่วง +30-40% เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และผลประกอบการของ World Medical Center ดีขึ้นต่อเนื่องจากการรุกเข้าสู่ตลาดต่างชาติ รวมทั้งการปรับเพิ่มค่ารักษาของโรงพยาบาลในกลุ่มตั้งแต่ ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
b) ตั้งงบลงทุน 2.2 พันล้านบาทในปี 2559-2562 เพื่อเปิดโรงพยาบาลใหม่อีก 4 แห่ง และปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตระยะยาว เพื่อรองรับโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในอนาคต
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +30% yoy เป็น 686 ล้านบาท และต่อเนื่อง +18.8% yoy ในปี 2560 เป็น 815 ล้านบาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$78 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$295 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 978 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 4,549 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงอีกเป็น 116,859 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นั้นนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้งมากถึง 2,221 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง กดดันให้ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 กว้างขึ้นเป็น 3.62 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.07 จุด ส่งผลให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 9,996 สัญญา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 2,662 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 4,540 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 24,906 ล้านบาท กดดันให้ราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 5 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากถึง 4.73bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.44bps ปิดที่ 2.166%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 751 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 945 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 57 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 58 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ ลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานเป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาขายสุทธิ 244 ล้านบาท จาก 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,566 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานเป็นหลัก 517 ล้านบาท แต่สะสมกลุ่มวัสดุก่อสร้างสูงสุดเพียง 225 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร 151 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
FBI กลับมารื้อกรณีอีเมล์ของนางคลินตันอีกครั้ง: วันที่ 28 ต.ค. ประกาศกลับมารื้อคดีอีเมล์ส่วนตัวของนางคลินตัน หลังมีข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นกว่าครั้งก่อนหน้า ทั้งนี้หัวหน้าหน่วย FBI ไม่ยืนยันว่าจะใช้เวลานานเท่าไรในการตรวจสอบกรณีนี้ แต่เป็นการประกาศก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเพียง 11 วันเท่านั้น
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดี
- GDP ใน 3Q59 ขยายตัว 2.9% qoq ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.5% qoq และไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.4% qoq โดยการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่เติบโตแข็งแกร่ง นำโดยสินค้าคงทนที่เพิ่มขึ้นถึง 9.5% qoq รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน
- ดัชนี Consumer sentiment เดือนต.ค. เท่ากับ 87.2 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensusคาดที่ 88.5 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 87.9 จุด
ยุโรป
อียู – แคนาดา ลงนามในเขตการค้าเสรีระหว่างกัน: โดยลงนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ต.ค. แม้ว่าเบลเยี่ยมต่อต้านแนวคิดนี้ก่อนหน้าก็ตาม เขตการค้าเสรีภายใต้ชื่อ CETA (The Comprehensive Economic and Trade Agreement) คาดว่าจะกระตุ้นการค้าระหว่างกันได้ 20%
ศาลไอร์แลนด์เหนือปฎิเสธการคัดค้าน Brexit: ศาลสูงสุดของไอร์แลนด์เหนือ ได้ตัดสินปฎิเสธการคัดค้านผล Brexit เพราะทั้งรัฐบาลท้องถิ่นหรือกฎหมายท้องถิ่นไม่สามารถใช้เหนือผลการตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลอังกฤษจะพิจารณากรณีที่รัฐบาลอังกฤษใช้สิทธิในมาตรา 50 แห่งสนธิสัญญาลิสบอนได้หรือไม่ โดยที่ไม่มีการโหวตผ่านสภาก่อนเริ่มขั้นตอน
S&P คงแนวโน้มอังกฤษเป็น “ลบ”: ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในอนาคต หากความไม่แน่นอนอนาคตจากการ Brexit เพราะจะมีผลกระทบต่อธุรกิจการเงินที่เป็นฐานธุรกิจหลักของอังกฤษ นอกจากนี้ความเสี่ยงที่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ อาจต้องขายเงินปอนด์ หรือการลงประชามติของชาวสกอต์แลนด์ เพื่อขอแยกตัวออกจากอังกฤษ
จีน
เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ร่วมมือกันในการต่อต้านการกีดกันทางการค้าโลก: รมว.พาณิชย์ของเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน ได้เห็นพ้องกันว่าการค้าระหว่างประเทศที่มีการกีดกันกันมากขึ้นในการค้าโลก 3 ประเทศพร้อมที่จะร่วมกันต่อต้านแนวทางดังกล่าว หลังการหารือร่วมกันทั้ง 3 ประเทศยืนยันที่จะรักษาการค้าเสรีระหว่าง 3 ประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
เอเชียแปซิฟิก
อินเดียประกาศแผนขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมี US$2.0 หมื่นล้าน: 3 รัฐวิสาหกิจของอินเดีย ได้แก่ Indian Oil Corp, Bharat Petroleum และ Hindustan Petroleum มีแผนลงทุน US$2.0 หมื่นล้านในโรงกลั่น ภายในปี 2565 เพื่อขยายการกลั่นน้ำมันเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซล สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศ
OPEC ยังไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน: ภายหลังการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ของกลุ่ม OPEC และ นอก OPEC เมื่อวันเสาร์ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย OPEC เผยว่าการประชุมครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความคืบหน้าในเชิงบวก แต่ยังไม่ได้กล่าวถึงการบรรลุข้อตกลงการผลิตน้ำมันแต่อย่างใด
ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาเป็นกลาง
- ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนก.ย. ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด +0.9% mom
- ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด +0.2% mom
ไทย
สศค.คงเป้า GDP ปีนี้ 3.3% ส่วนปีหน้าคาดขยายตัว 3.4%: สศค. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 คาดขยายตัวได้ 3.3% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.0 – 3.5%) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 2.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ประกอบกับการเบิกจ่ายภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนน และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งในระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 ที่มีความพร้อม ยังคงมีความต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2559 คาดเพิ่มขึ้น 0.4% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.1 - 0.6%) ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2560 คาดขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.4% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.9 - 3.9%) โดยได้รับแรงส่งของการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใหม่ๆ ที่เริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 31 ต.ค. 2559
ข่าวเด่น