แนวโน้มราคาทอง (1พ.ย. 59) โดย YLG Bullion International
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 31 ตุลาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 28 ตุลาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,271.98-1,279.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,050 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.45 น.ของวันที่ 31/10/16)
แนวโน้มวันที่ 01 พฤศจิกายน 2559
สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ของสหรัฐจะสอบสวนนางฮิลลารี คลินตันเพิ่มเติมในเรื่องที่นางคลินตัน เคยใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวสำหรับการทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ โดยข่าวนี้ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่านางคลินตันจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลดีต่อราคาทองคำ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เพราะหากนายทรัมป์ได้รับชัยชนะอาจจะสร้างความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก ทั้งในส่วนของนโยบายต่างประเทศ, ข้อตกลงการค้ากับต่างประเทศ และเศรษฐกิจภายในสหรัฐ ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบ ซึ่งประเด็นดังกล่าวสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำในฐานสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาทองคำขยับขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเพราะนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการถือครองทองคำ ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าบริษัทซีเอ็มอีรายงานว่า นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสไม่ถึง 10% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 2 พฤศจิกายน และมีโอกาสราว 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม แต่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนพฤศจิกายน ในปีก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ FOMC ได้ปรับเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์เพื่อระบุว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป และหลังจากนั้นเฟดก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีในเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งทำให้นักลงทุนจับตาการประชุมของเฟดในเดือนพฤศจิกายน 2559 ว่าจะมีการส่งสัญญาณที่บ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจนเหมือนรอบปี 2558 หรือไม่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,266 หรือ 1,253 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลัง โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแบบ Sideway Up โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายและควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,283 หรือ 1,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,266 (20,950บาท) 1,253 (20,730บาท) 1,245 (20,070บาท)
แนวต้าน 1,283 (21,230บาท) 1,294 (21,420บาท) 1,300 (21,520บาท)
ข่าวเด่น