นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำ คลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า – รามคำแหง ไปทางประตูระบายน้ำ คลองสองสายใต้ ว่า การก่อสร้างเขื่อนตามโครงการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว มีความยาว 22.65 กิโลเมตร รวมก่อสร้างเขื่อนสองฝั่งคลองเป็นระยะทาง 45.30 กิโลเมตร ซึ่งสำนักการระบายน้ำได้ลงนามทำสัญญาไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 59 ซึ่งสัญญาการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณปี 2562
จากการลงพื้นที่สำรวจเบื้องต้นในวันนี้ พบว่าการก่อสร้างคิดเป็นเนื้องานมีความคืบหน้า 4.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีล่าช้ากว่าแผนการดำเนินการ 4.14 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมธนารักษ์ และกรมชลประทาน ได้พยายามลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ริมคลองลาดพร้าวให้มีความเข้าใจว่าโครงการนี้หลังจากได้ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงแล้ว สภาพความเป็นอยู่ของชุมชนจะดีขึ้น จากเดิมที่น้ำในคลองที่มีสภาพเน่าเหม็นไม่น่าอยู่ ก็จะได้น้ำในคลองที่มีความใสสะอาดขึ้น ระบบการระบายน้ำจะดีขึ้น ปัญหาน้ำท่วมขังจะน้อยลง และที่สำคัญประชาชนที่อาศัยอยู่ในคลองลาดพร้าว หากจะว่ากันตามกฏหมายถือว่าปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ในขณะนี้ทุกส่วนราชการได้พยายามทำทุกอย่างที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย ประชาชนทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจะมีบ้านอยู่ และสภาพความเป็นอยู่ของทุกคนจะดีขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่หลักอยู่ 2 ส่วน คือ 1. ต้องพยายามทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ชุมชนริมคลองลาดพร้าว และ 2. เมื่อมีการส่งมอบพื้นที่ สำนักการระบายน้ำต้องสามารถก่อสร้างเขื่อนได้ ดังนั้นกทม. จึงต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้รับเหมาก่อสร้างร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางที่จะทำให้เนื้องานการก่อสร้างสามารถเดินหน้าได้มากขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อไป
ข่าวเด่น