นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เดือนตุลาคม 2559 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อยู่ที่ 73.1 จาก 74.2 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 62.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 67.5 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 89.6
ปัจจัยลบที่สำคัญในเดือน ตุลาคม ได้แก่ ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายชนิดยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรที่ยังทรงตัวในระดับต่ำเช่นกัน ประกอบกับ ผลผลิตบางชนิด เช่น ข้าว เกิดความเสียหายจากภาวะฝนตกหนัก จึงทำให้ราคาข้าวปรับตัวลดลง, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, ผู้บริโภคมีความวิตกกังวลต่อปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่ยังทรงตัวในระดับสูง, ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ รวมทั้งความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ส่วนปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ การส่งออกในเดือน กันยายน ขยายตัว 3.43% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2560 ว่าจะเติบโตได้ 3.4% ส่วนปีนี้ยังคงคาดการณ์ไว้ตามเดิมที่ 3.3%, ความคาดหวังของประชาชนว่ารัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง, สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มคลี่คลาย และเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย
"ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและอนาคตที่ยังปรับตัวดีขึ้นไม่มากเท่าที่ควร ประกอบกับ สถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรในปัจจุบันและแนวโน้มที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะข้าวที่มีราคาต่ำ ส่งผลต่ออำนาจซื้อในปัจจุบันและอนาคตของประชาชนทั่วประเทศ" นายธนวรรธน์ระบุ
ข่าวเด่น