นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการด้านพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทั้งระบบของประเทศย้ำสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเข้าใจเกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
วันนี้ (4พ.ย.59) เวลา 10.00 น. ณ อาคารสโมสรและหอประชุม กระทรวงคมนาคม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคม โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชาติชาย ทิพย์สุนารี ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม เช่น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก อธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมทางหลวง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนมวลชนกรุงเทพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ฯลฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การตอนรับ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังสรุปรายงานยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2575 ) ซึ่งแนวคิดในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในอนาคต คือการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทางเลือกใหม่และพลังงานประหยัด การเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมของประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการขนส่ง/โลจิสติกส์ และสร้างโครงข่ายการเชื่อมโยงระบบคมนาคมภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีวิสัยทัศและเป้าประสงค์มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืน โดยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้านการขนส่งและการเดินทาง ตลอดจนขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานแผนการปฏิบัติด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 จำนวน 20 โครงการ เช่น การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายพัทยา – มาบตาพุด การพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง A ที่ท่าเรือแหลมฉบัง พัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบับ (ระยะที่1) ก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ฯลฯ ซึ่งหลายโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีบางส่วนพร้อมเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ขณะที่บางโครงการอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าโครงการต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนด
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมทุกคนที่ได้ช่วยกันทำงานขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งกระทรวงคมนาคมถือว่ามีบทบาทและเป็นกำลังสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของระบบโลจิสติกส์ที่ยังมีปัญหาอยู่ ดังนั้นการดำเนินการต่าง ๆ จะต้องให้ทันต่อสถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยทุกคนต้องร่วมมือกันดำเนินงานเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันคืออนาคตที่ยั่งยืน พร้อมขอให้ทุกคนน้อมนำและปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานไว้ไปปฏิบัติ ให้เกิดผลดีและประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ต้องสร้างจุดแข็งและปิดจุดอ่อน รวมถึงสร้างโอกาสให้มากขึ้น ขณะเดียวกันการดำเนินการในเรื่องของการใช้พลังงานทางเลือกใหม่และพลังงานประหยัดจะต้องคำนึงและดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุมไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ภายในประเทศ โดยเฉพาะการผลิตรถอีโคคาร์ ขณะที่การจัดทำงบประมาณต้องแบ่งเป็นงาน Function และงานตามนโยบาย โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี ของประเทศ ทั้งนี้งานใดที่เป็นงานเร่งด่วนให้ดำเนินการก่อนภายในปี 2560 ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเกี่ยวกับงบลงทุนมีเม็ดเงินลงไปสู่เศรษฐกิจในพื้นที่ ส่วนแผนงานใดที่ยังดำเนินการไม่ได้ในระยะที่ 1 (พ.ศ.2560) ให้ปรับแผนไปดำเนินการในระยะที่ 2 หรือระยะต่อไปตามความเหมาะสม แบ่งเป็น 4 ระยะ ( 5-5-5-5) ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งต้องมีการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรให้เข้มแข็ง และทำงานบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลเป็นรูปธรรมและประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการด้านระบบคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ให้ประชาชนรับรู้ถึงความจำเป็นต่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้มากที่สุด พร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน อันจะนำไปสู่การพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้เป็นตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงโครงข่ายด้านคมนาคมต่าง ๆ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และระบบราง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ รวมถึงการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งดังกล่าวขยายไปสู่ภูมิภาคของประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้ง ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงและบริหารจัดการตลอดสองข้างทางรถไฟให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดสวยงามมากยิ่งขึ้น
ข่าวเด่น