หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้เปิดฟื้นตัวและกลับมายืนเหนือ 1,500 จุด หลัง FBI สรุปผลการตรวจสอบการใช้อีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton ยืนผลตามเดิม ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกฟื้นตัวเด่น รวมถึง SET INDEX ผลักดันด้วยหุ้น Big Cap ปิด ณ สิ้นวัน บวกไปทั้งสิ้น 16.57 จุด มาอยู่ที่ 1,502.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,704 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 อีก 723 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 719 สัญญา แต่กลับพักเงินผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,901 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คืนนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดีดตัวขึ้นเด่น ตอบรับเชิงบวกต่อความคาดหวังว่านาง Clinton จะได้รับชัยชนะครั้งนี้
- ติดตามการส่งออกเดือนต.ค.ของจีนเช้าวันนี้ Bloomberg consensus คาด -6.0% yoy จากเดือนก่อนหน้า -10.0% yoy
- กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ต่อเนื่อง
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง
เราลดน้ำหนักการลงทุนกลับมาเป็น “กลาง” จากวานนี้ “กลางถึงบวก” เพราะเชื่อว่านักลงทุนบางส่วนจะทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน เพื่อปิดความเสี่ยงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเริ่มขึ้นในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย อีกทั้ง Upside gain ช่วงสั้นเราประเมินว่า 1,520 จุด +/- จะยังผ่านได้อย่างจำกัด เว้นเสียจากว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะกลับมาสะสมหุ้นในเอเชียเกิดใหม่อีกระลอก ซึ่งหากพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมทั้งและต่างประเทศยังไม่เห็นปัจจัยเด่นที่จะผลักดันให้ทะลุผ่านด่านดังกล่าวได้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และถ่านหิน โดยเฉพาะน้ำมันที่โอเปกส่งสัญญาณรัสเซียร่วมกำหนดเพดานการผลิตน้ำมัน ทั้งนี้จะมีความชัดเจนในวันที่ 30 พ.ย. ที่จะมีการจัดประชุมโอเปกเพื่อจัดสรรโควต้าการผลิตใหม่ หลังเห็นชอบกรอบการลดกำลังการผลิต 0.7-0.8 แสนบาร์เรล/วันในการประชุมครั้งก่อน ซึ่งจะทำให้กลุ่มพลังงานจะช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “เก็งกำไรแบบจำกัดวงเงิน” เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,520 จุด +/- เน้นหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งขนาดใหญ่ และเล็ก ภายใต้หุ้น Domestic Play ที่อาจแกว่งออกด้านข้างในภาพรวม
Strategy of the Day
1. สะสม SCB : ราคาปิด 143.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้น Big Cap จะตอบรับเชิงบวก หลัง FBI ระบุว่าจะไม่ตั้งข้อหาเพิ่มเติมกับฮิลลารี คลินตัน กรณีใช้เซิฟเวอร์ส่วนตัวส่ง email ดังนั้น เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ฮิลลารี คลินตันจะชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯในวันที่ 8 พ.ย.
b) มี Catalyst รออยู่ โดยคาดว่าศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ใน 4Q59 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ SCB จะกลับสำรองหนี้สูญ และส่งผลให้ NPL ลดลง และ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นอย่งมีนัยสำคัญ
c) หากสามารถปิดดีลขายหุ้น SCB Life ให้กับพันธมิตรได้ จะส่งผลให้มีกำไรพิเศษสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา ขณะทีกำไรสุทธิปี 2560 คาดว่าจะเติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.3 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 11 อีก US$437 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$490 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11
นักลงทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 ลดลงเหลือ 723 ล้านบาท รวม 11 วันทำการขายสุทธิ 13,546 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงอีกเป็น 107,862 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นั้นนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 719 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 เท่ากับ 1.13 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 1.17 จุด ส่งผลให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิลดลงเล็กน้อ เป็น 7,075 สัญญา
แต่นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,901 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,690 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นอีก 1.84bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.24bps ปิดที่ 2.164%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 853 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 871 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 69 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 70 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ แต่ก็เป็นไปอย่างเบาบาง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีกครั้ง เพียง 141 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 1,702 ล้านบาท โดยเลือกที่จะสะสมกลุ่มพลังงานสูงสุด 274 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหารซื้อสุทธิ 142 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่มธนาคาร 206 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง 135 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
ระบบธนาคารในกรีซยังประสบปัญหาการปรับโครงสร้างทุน: The General Council of Greek (HFSF) เตรียมหารือถึงแนวทงการประชุมผู้ถือหุ้นนัดพิเศษของ National Bank of Greece เพื่อเร่งให้ CEO และคณะกรรมการที่เหลือลาออก และการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เข้าไปดำเนินการปรับโครงสร้างทุนและบริหารจัดการหนี้เสีย
รมว.ด้าน Brexit จะเปิดให้สภาโหวต Brexit ก่อนเริ่มขั้นตอน: นาย David Davis รมว.ด้าน Brexit ของอังกฤษ เตรียมแผนที่จะเปิดให้สภามีการลงคะแนนก่อนที่จะสิ้นสุดขั้นตอนการพิจารณามาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอน
กรีซได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ในปีนี้: รองประธาน EC นาย Dombrovskis ให้ความเห็นว่า กรีซได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกับเจ้าหนี้ในหลายประกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นด้านเป้าหมายการคลัง สำหรับงบประมาณปี 2560 แนวโน้มจะเป็นงบประมาณเกินดุลตามเป้าหมาย 1.75% ของ GDP ตามที่ตกลงกับเจ้าหนี้
แต่อียูยังไม่สามารถกำหนดรายงานละเอียดการให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซในระยะกลางได้: ประธาน รมว.คลัง อียู นาย Dijsselbloem ให้ความเห็นว่า อียูยังไม่สามารถกำหนดรายละเอียดของการให้เงินกู้ระยะกลางแก่กรีซได้ในตอนนี้ เพราะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน จนถึง 2H61 ทั้งในแง่เศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และคณะกรรมการจากรัฐบาลกรีซ
จีน
จีนแต่งตั้งรมว.คลังคนใหม่: รัฐบาลจีนแต่งตั้งนาย Xiao Jie อดีตรองรมว.คลัง ขึ้นดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง เพื่อสานต่อนโยบายการคลัง และผลักดันการปฎิรูปโครงสร้างต่างๆ เพื่อลดระดับหนี้ต่อ GDP โดยรวมลง
ทางการจีนจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก: รัฐบาลจีน ได้จัดตั้งกองทุนลงทุนขนาด 1.0 หมื่นล้านยูโร เพื่อสนับสนุนโครงการในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ภายใต้ชื่อกองทุน China-Central Eastern Europe Fund บริหารงานโดย Sino-CEE Financial Holding จัดตั้งโดย ICBC เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลจีน ทั้งนี้กองทุนนี้ตั้งเป้าระดมทุน 5.0 หมื่นล้านยูโร เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, การผลิตไฮเทค และสินค้าอุปโภคบริโภค
ผู้นำจีนยืนยันเป้าหมายการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ: ผู้นำจีน Li Keqiang ยืนยันเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ และเร่งการปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลในเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฎิรูปโครงสร้างด้านการผลิต และสร้างการเติบโตด้านอุปสงค์ให้เหมาะสม
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 8 พ.ย. 2559
ข่าวเด่น